ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลโกงของมิจฉาชีพนั้นมีหลากหลายรูปแบบ จนบางคนตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว และส่งผลกระทบให้ต้องสูญเสียทรัพย์สิน รวมถึงขาดความมั่นใจในการใช้บริการทางการเงินออนไลน์ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็ไม่รอช้า พร้อมออกมาตรการใหม่เพื่อป้องกัน และกำจัดภัยทุจริตทางการเงิน นั่นก็คือ การยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริกผ่านการสแกนใบหน้าที่ได้เคยเก็บข้อมูลไว้กับธนาคาร โดยหลังจากเดือนมิถุนายนนี้ไปแล้ว ทุกคนที่โอนเงินเกิน 50,000 บาทต่อครั้ง หรือโอนเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน จะต้องสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนว่าเป็นเราจริง ๆ ไม่ใช่มิจฉาชีพ ซึ่งสาเหตุที่กำหนดให้สแกนหน้ายืนยันตัวตนตอนโอนเงินเกิน 50,000 บาทนั้น เพราะจากข้อมูลสถิติพบว่าส่วนใหญ่มิจฉาชีพมักโอนเงินครั้งละมาก ๆ เกิน 50,000 บาทต่อครั้ง สำหรับใครที่อยากปรับเปลี่ยนเพดานวงเงินถอน โอนสูงสุดต่อวัน หรือไม่เคยเก็บข้อมูลไบโอเมตริกสแกนใบหน้ากับธนาคาร จะต้องมาทำธุรกรรมโอนเงินที่สาขาธนาคาร และต้องผ่านการตรวจสอบยืนยันอย่างเข้มงวด