category กรณีศึกษา : เมื่อกำแพงกั้นพรมแดน "สหรัฐ-เม็กซิโก" ถูกลบออกด้วยพลังแห่งศิลปะ

Writer : Sam Ponsan

: 10 มีนาคม 2560

without-wall-we-will-keep-walking-campaign

แม้ในวันที่เรามองเห็นความหวังเลือนลางจนแทบจะไม่มีทางเป็นจริง แต่ก็ใช่ว่าความหวังนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นจริง ถ้าเรายังมองหาแง่มุมที่สามารถเป็นไปได้

เหมือนจะดูเป็นประโยคที่สวยหรู และแทบจะดูเป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ใครสักคนจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง แต่ถ้าเราบอกว่าโลกนี้มีหลายคนที่เปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างที่หลายคนมองว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ให้เกิดขึ้นจริง…คุณจะเชื่อไหม

ในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้มีคนหลายคนทำได้เพราะเขาลุกขึ้นมาแล้วชวนคนที่เห็นด้วยมาช่วยกันเปลี่ยนแปลงมัน จะมากน้อยแต่อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงแล้วหากเริ่มต้นมองหาความเป็นไปได้

หนึ่งในนั้นคือการพยายามที่จะเปลี่ยนมุมมองใหม่ของชาวเม็กซิกัน และชาวอเมริกัน ต่อกำแพงที่กั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกในมุมใหม่ กำแพงที่กั้นระหว่างอเมริกา และเม็กซิโก เป็นหนึ่งในกำแพงกั้นระหว่างพรมแดนไม่กี่แห่งในโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแบ่งเขตแดน โดยมีสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับกำแพงกั้นพรมแดนของสองประเทศนี้คือ

+ โปรเจกต์กำแพงกั้นพรมแดนถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1994
+ สร้างขึ้นเพื่อกั้นระหว่างเอริโซน่า,เท็กซัส และแคลิฟอร์เนียกับพรมแดนของเม็กซิโก
+ จุดประสงค์ของการสร้างกำแพงคือป้องกันการลักลอบเข้าเมือง และขนของผิดกฎหมายไปมาระหว่างสองประเทศ
+ ปัจจุบันกำแพงที่สร้างเสร็จแล้วมีระยะทางรวม 3,201 กิโลเมตร หรือยาวเท่ากับประเทศไทยต่อกันสองรอบ
+ ในอนาคตจะมีกำแพงกั้นระหว่างสองประเทศนี้เกิดขึ้นอีกราวๆ 1,600 กิโลเมตร
+ ทั่วโลกมีกำแพงที่กั้นระหว่าง 2 ประเทศทั้งสิ้น 11 แห่ง

ข้อมูลจาก Mexico–United States barrier 

sandiego-Tijuana-border

กำแพงที่กั้นระหว่าง ซานดิเอโก (ฝั่งซ้าย) ของสหรัฐฯ และเมืองตีฮัวนา (ฝังขวา) ของเม็กซิโก

เมื่อกำแพงถูกทำลายด้วยฝีแปรง

ในสายตาของพวกเขา กำแพงคือสิ่งที่มีอยู่จริง และกั้นความสัมพันธ์ของคนสองประเทศไว้จริง แต่ศิลปินคนหนึ่งตั้งคำถามว่า ‘ถ้าสมมติว่ากำแพงนั้นหายไปจากความรู้สึกโดยที่ไม่ต้องทำลายมันจะเป็นอย่างไร?’ หากกำแพงนั้นหายไปจากความรู้สึก อย่างน้อยที่สุด พวกเขาน่าจะรู้สึกดีกว่าที่เป็นอยู่

short-film-johnnie-walker-5-new

กำแพงที่ตั้งอยู่บนหาดตีฮัวนา ของเม็กซิโก โดยฝั่งซ้ายคือหาดเอ็มเพอร์เรอร์ ของแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ

short-film-johnnie-walker-8

ผู้คนสองฝั่งต้องสื่อสารกันโดยมีกำแพงกั้น

นี่คือแนวคิดของศิลปินสาวชาวเม็กซิโก ‘อนา เทเรซ่า เฟอร์นันเดซ’ เธอมีความคิดอยากจะลบกำแพงที่ตั้งอยู่บนชายหาดที่กั้นระหว่างคนสองประเทศนี้ ออกจากใจของพวกเขาโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงใดๆ ซึ่งเธอเลือกใช้พลังที่ถนัดพังกำแพงนั้นซึ่งก็คือพลังของ ‘ศิลปะ’

อนา เริ่มต้นติดป้ายประกาศ พร้อมเดินหาอาสาสมัครมาช่วยเธอทำงานศิลปะชิ้นใหญ่ที่ทรงพลัง โดยขอความร่วมมือจากคนหลังกำแพงทั้งสองฝั่งประเทศ เธอชวนคนที่สนใจมาร่วมทำงานศิลปะชิ้นนั้นด้วยการทาสีกำแพงที่รูปร่างเหมือนกรงเหล็ก เปลี่ยนจากสีดำดุให้กลายเป็นกำแพงสีฟ้ากลืนไปกับภาพเบื้องหลังของท้องฟ้า เพื่อให้คนทั้งสองฝั่งได้เห็นภาพที่เสมือนว่าเบื้องหน้าของพวกเขาตอนนี้…ไม่มีอะไรกั้นขวางอยู่เลย

short-film-johnnie-walker-9

อนา เทเรซ่า เฟอร์นันเดซ

“มันคืองานที่ดูหนักหนาสำหรับฉันมาก แต่เมื่อฉันเริ่มทาสีฟ้าลงบนกรงเหล็ก ทุกสิ่งที่ทำต่อไปนี้จะบอกเองว่าเราทำไปเพื่ออะไร” เธอเล่าถึงภารกิจที่ยิ่งใหญ่ให้ฟัง

งานศิลปะที่เป็นอาวุธอันยิ่งใหญ่ของเธอคือสิ่งที่ดึงดูดให้ทุกคนเข้ามาช่วยสร้างสรรค์ และสร้างการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ให้เกิดขึ้น คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนยอมที่จะเข้ามาช่วยเมื่อได้ยินแนวคิดของเธอ รวมไปถึง Johnnie Walker ก็สนใจแนวคิดของเธอเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการทำแคมเปญ ‘without walls’ ร่วมกัน

แคมเปญนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงพลังในการเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่สิ่งที่ดีกว่าด้วยพลังแห่งความกลมเกลียวของมนุษย์ ผสานกับพลังบวกที่มีอยู่ในตัวของทุกคนที่เชื่อมั่นว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ทุกอย่างจะสำเร็จได้หากทุกคนร่วมมือ และเชื่อมั่นในกันและกัน

แน่นอนแคมเปญนี้ตรงกับแนวคิดของอนา และเธอสร้างปรากฎการณ์ขึ้นโดยการร่วมมือของคนสองฟากฝั่งกำแพง ทุกคนพร้อมใจที่จะ #WEWILLKEEPWALKING หรือการเดินไปด้วยกัน

short-film-johnnie-walker-3

short-film-johnnie-walker-1

“มันคือไอเดียที่มหัศจรรย์มากๆ ฉันคิดว่าสักวันหนึ่งคงจะมีวันที่เราไม่ได้เห็นกำแพงจริงๆ ถึงจะยังไม่เกิดขึ้น แต่วันนี้เราก็ได้เริ่มต้นบางอย่างขึ้นแล้ว” หนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงกับอนา เล่าถึงความรู้สึกที่เธอได้มีส่วนในการช่วยลบกำแพงออกจากใจให้ฟัง

จากคนเพียงไม่กี่คนที่ช่วยกันทาสีฟ้าลงบนกำแพงยักษ์สีดำที่ทุกคนมองภาพของกำแพงแห่งนี้ไม่ต่างอะไรกับมังกรตัวยักษ์ใหญ่ที่ทอดยาวลงบนทะเล ไม่นานก็มีคนเดินทางมาช่วยเธอเยอะขึ้น ทุกคนช่วยเปลี่ยนกำแพงสีดำอันดูไร้ซึ่งชีวิต ให้กลายเป็นกำแพงที่กลืนไปกับพื้นหลัง เมื่องานศิลปะที่ทุกคนช่วยกันสร้างจบลง เราไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมตรงหน้าอีกต่อไป

short-film-johnnie-walker-2

short-film-johnnie-walker-12

“เราร่วมกันเปลี่ยนแปลงด้วยการสร้างพื้นที่ให้ทุกคนมารวมตัวช่วยกันทำในสิ่งที่ดีด้วยกัน” นั่นคือวัตถุประสงค์ของอนา ที่พยายามบอก แม้ความจริงกำแพงนั้นยังคงอยู่ ไม่มีใครปฏิเสธว่ากำแพงนั้นหายไปแล้ว ทว่าในความรู้สึกของคนที่อยู่คนละฟากของกำแพง อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่ทุกคนช่วยทำก็เยียวยาความรู้สึกที่โดนขวางกั้นลงได้

short-film-johnnie-walker-11

short-film-johnnie-walker-7

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือไม่มีกำแพงใดๆ ที่จะกั้นความรัก ความหวังดีของเพื่อนมนุษย์ที่มีต่อกันได้อย่างเด็ดขาด ตราบใดที่มนุษย์ยังเชื่อมั่นในความหวัง ยังเชื่อมั่นในพลังเล็กๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้

ยังเชื่อมั่นในการมองเห็นความเป็นไปได้ในแง่มุมที่หลายคนคิดไม่ถึง และเชื่อมั่นในการรวมพลังกันของเพื่อนมนุษย์ เหมือนสิ่งที่ Johnnie Walker เชื่อในพลังด้านบวกของมนุษย์ทุกคนที่ไม่ยอมแพ้ และมองเห็นความเป็นไปได้ว่าหากรวมพลังเดินไปด้วยกัน เมื่อนั้นจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น เหมือนวันนี้ที่กำแพงหายไปแล้วด้วยพลังของทุกคน

กำแพงหายไปจากความรู้สึกของพวกเขาแล้ว

 

Writer Profile : Sam Ponsan
นักเขียนหนุ่มสุดเท่ที่ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ ขนาดฝนตกยังยอมขี่รถตากฝนเลยเพราะคิดว่าทำแล้วเท่ งานอดิเรกของเขาคือการไปออกกำลังกายเพราะเชื่อว่าทำแล้วเท่ ปัจจุบันก็ยังชอบทำ Content อะไรเท่ๆ ลงเว็บ Mango Zero ด้วย แหม่...เท่จริงๆ
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save