category รวม 10 คอร์สดีๆ เรียนไว้เพิ่มทักษะการทำงาน เวลาหมดไฟ

Writer : Taey Ch

: 6 มิถุนายน 2560

10-courses-to-improve-your-skills-at-work

เราเชื่อว่าการศึกษามันไม่ได้จบไปพร้อมกับการจบมหาวิทยาลัย เพราะชีวิตคนเรามีอะไรให้เรียนรู้อยู่เสมอ และสำหรับคนในวัยทำงานที่หลายครั้งรู้สึกหมดไฟ เบื่อกับสิ่งที่ทำและอาจรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองวนลูปไม่มีอะไรให้ท้าทาย เราอยากบอกว่ามันไม่จริงหรอก ชีวิตคุณยังมีอะไรให้ทำอีกมาก ถ้าคุณเบื่อกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นหรือกำลังทำอยู่ ลองหาเวลาเรียนรู้ทักษะอื่นๆ นอกเหนือจากการทำงานเดิมๆ ดูสิ

เราได้ลองรวมคอร์สออนไลน์ และแนะนำการสอบวัดระดับต่างๆ มาให้ทุกคน เพื่อว่าอย่างน้อยระหว่างที่ทำงานประจำอยู่ เราก็ยังสามารถหาความรู้ในด้านต่างๆ เพิ่มได้อีก ลองแบ่งเวลาดีๆ แล้วเอาไปใช้เรียนรู้เพิ่มเติมกันดีกว่า..

Facebook Blueprint eLearning

1. Facebook Blueprint eLearning

ไหนๆ เราก็เล่นเฟซบุ๊กกันจนเสมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกายแล้ว คงดีไม่น้อยหากเราสามารถนำเฟซบุ๊กมาใช้สร้างรายได้ให้กับธุรกิจได้ Blueprint eLearning คือคอร์สเรียนออนไลน์ฟรีๆ ที่ทางเฟซบุ๊กเปิดสอน ประกอบไปด้วยคอร์สเรียนมากกว่า 50 คอร์ส เกี่ยวกับการใช้งาน Facebook และ Instagram เพื่อธุรกิจและการโฆษณา

โดยขั้นตอนการเรียนก็ทำได้เพียงง่ายๆ เลย แค่มีบัญชีเฟซบุ๊กก็สามารถเรียนได้แล้ว ที่สำคัญยังเรียนได้ตลอดเวลา ผ่านทุก Device (บนมือถือก็เรียนได้นะ)

  • เหมาะกับ : คนที่ทำงานธุรกิจ, เอเยนซี่, นักโฆษณา, การตลาด รวมไปถึงคนที่ทำธุรกิจส่วนตัวอย่างแม่ค้าออนไลน์ด้วย
  • ตัวอย่างเนื้อหาที่สอน : พื้นฐานการดูแลเพจเฟซบุ๊ก การซื้อโฆษณา รวมถึงเทคนิคการทำคอนเทนต์บนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม
  • มีใบรับรองไหม? : มีจ้า
  • เรียน Facebook Blueprint eLearning : www.facebook.com/blueprint

 

Google AdWords 2

2. Google AdWords

ทุกวันนี้เวลามีคำถามอะไรเราก็มักจะถามผ่านทางอากู๋ หรือ google.com นั่นเอง แต่อาจไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จัก Google Adwords ซึ่งเป็นบริการของกูเกิล โดยบริการนี้จะช่วยให้เมื่อคนค้นหาอะไรแล้วจะมีโอกาสเห็นเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเรารู้จักกับบริการนี้ ก็จะสามารถนำความรู้ไปใช้สร้างรายได้หรือเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าและบริการตัวเองได้

อาจฟังดูไกลตัวจัง และคิดว่าฉันไม่ใช่นักการตลาดจ๋าขนาดนั้นซะหน่อยไม่ต้องเรียนหรอกมั้ง แต่จริงๆ แล้วนี่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถลองเรียนได้ง่ายๆ นอกจากนี้ถ้าเรียนจนคล่องแล้ว ก็ยังสามารถสอบเพื่อใบ Certifcate ได้อีกเช่นกัน ใครที่อยากจะทำงานด้านตลาดออนไลน์ก็สามารถใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางในการเข้าทำงานได้ด้วยนะ

  • เหมาะกับ : คนที่ทำงานธุรกิจ, เอเยนซี่, นักโฆษณา, การตลาด รวมไปถึงคนที่ทำธุรกิจส่วนตัวอย่างแม่ค้าออนไลน์ด้วย
  • ตัวอย่างเนื้อหาที่สอน : หลักการการทำงาน Adwords เบื้องต้น, การทำโฆษณาบน google อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการวิเคราะห์สถิติต่างๆ เพื่อปรับการโฆษณาด้วย
  • มีใบรับรองไหม? : มีจ้า

 

Google Analytics

3. Google Analytics

Google Analytics จะเป็นการเรียนเพื่อใช้วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์ของเรา อย่างเช่น หากเราเปิดเว็บไซต์สำหรับขายของ เราอาจจะรู้แค่ยอดคนสั่งซื้อ บางเดือนอาจขายได้มากบางเดือนอาจขายแทบไม่ได้เลย แต่เราไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไร?

Google Analytics จะเป็นตัวช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่เกิดบนเว็บไซต์ของเรา ตั้งแต่เรื่องลูกค้าว่าเข้ามาผ่านช่องทางไหน เป็นคนจังหวัดอะไร มีความชอบและพฤติกรรมแบบไหน รวมไปถึงจะช่วยวิเคราะห์ได้ด้วยว่าอะไรที่ทำให้เขาไม่ซื้อของเรา หรือหากจะเพิ่มยอดขายเราควรจะแก้ไขที่จุดไหน

ดังนั้นสำหรับคนที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ควรที่จะลองเข้าไปเรียนดูเพื่อพัฒนาเว็บให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป หรือถ้าใครที่สนใจเรื่องการตลาดก็สามารถลองศึกษาเพื่อเป็นความรู้ได้นะ และที่สำคัญหากสอบผ่านก็จะมีใบรับรองให้เช่นเดียวกัน

  • เหมาะกับ : คนที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์ รวมถึงนักการตลาดออนไลน์
  • ตัวอย่างเนื้อหาที่สอน : การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่เกิดบนเว็บไซต์ของเรา ทั้งช่องทางที่คนเข้าเว็บเรา พื้นที่จังหวัดที่เขาอยู่ ความชอบและพฤติกรรมของเขา รวมไปถึงจะช่วยวิเคราะห์ได้ด้วยว่าอะไรที่ทำให้เขาไม่ซื้อของเรา หรือหากจะเพิ่มยอดขายเราควรจะแก้ไขที่จุดไหน และอื่นๆ อีกมากมาย
  • มีใบรับรองไหม? : มีจ้า

 

YouTube Creator Academy

4. YouTube Creator Academy

ทุกวันนี้เวลามีละคร หรือรายการทีวีอะไรฮิตๆ คนส่วนใหญ่อาจไม่ได้ดูจากโทรทัศน์จอสี่เหลี่ยมกันแล้ว เพราะเรามี Youtube ให้ดูย้อนหลังได้ นอกจากนี้ในยูทูปยังมีช่องต่างๆ อีกมากมายที่เราติดตามกัน อย่างเช่น ช่อง cover เพลง หรือจะเป็นรายการไลฟ์สไตล์ต่างๆ อย่างเช่น “เถื่อน Travel” ที่เป็นกระแสในช่วงที่ผ่านมาก็สามารถดูได้บนยูทูปเช่นกัน

และนอกจากจะเป็นช่องทางให้ความบันเทิงสำหรับคนดู และสำหรับคนที่ผลิต Video ออกมาแล้ว ยูทูปยังสามารถเป็นช่องทางทำเงินได้อีกด้วย ! ซึ่งทางยูทูปเองก็ออกมาทำคอร์สให้คนทั่วไปโดยเฉพาะคนที่มี channel เป็นของตัวเองได้เรียนและรู้จักยูทูปมากขึ้น หากใครสนใจก็สามารถลองเรียนฟรีๆ เพื่อเพิ่มความรู้กันได้นะ

  • เหมาะกับ : คนที่มีช่องใน Youtube และต้องการพัฒนาช่องของตัวเอง รวมไปถึงสร้างรายได้จาก Youtube
  • ตัวอย่างเนื้อหาที่สอน : การใช้งานพื้นฐาน, การสร้างธุรกิจบน YouTube, ไปจนถึงการเขียนบทและการทำคลิป
  • มีใบรับรองไหม? : มีจ้า
  • เรียน YouTube Creator Academy

 

TOEIC

5. TOEIC

TOEIC (Test of English for International Communication) เป็นข้อสอบมาตรฐานระดับสากลในการวัดทักษะทางภาษาอังกฤษ โดยคะแนนที่ได้มาจะนำไปให้สมัครเข้าทำงาน และอาจรวมถึงการปรับเงินเดือนและเลื่อนตำแหน่งอีกด้วย

ซึ่งคะแนน TOEIC จะเริ่มจาก 10 คะแนนถึง 990 คะแนน โดยจะแบ่งเป็นการฟัง Listening 5-495 คะแนน, การอ่าน Reading 5-495 คะแนน ซึ่งจะไม่มีการสอบตก แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของหน่วยงานที่จะนำคะแนนไปใช้ยื่นว่าจะต้องได้ขั้นต่ำเท่าไหร่ อย่างเช่น แอร์โฮสเตส จะมีคะแนนมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 550 คะแนนขึ้นไป

  • เหมาะกับ : คนที่ต้องใช้คะแนนโทอิคในการสมัครงาน เช่น ธุรกิจการบิน (อย่างเช่น แอร์โฮสเตส), ธุรกิจการโรงแรม, การท่องเที่ยว, โรงพยาบาล รวมถึงบริษัทต่างชาติอื่นๆ
  • ทดลองทำข้อสอบเก่า TOEIC ได้ที่ : toeic-online-test.com
  • สมัครสอบ TOEIC ได้ที่ : toeic.co.th

 

 

IELTS

6. IELTS

IELTS (International English Language Testing System) เป็นการสอบภาษาอังกฤษระดับนานาชาติ ที่ใช้เพื่อประเมินความสามารถด้านภาษา โดยจะวัดความสามารถทั้ง 4 ทักษะ คือ การฟัง, อ่าน, เขียน และพูด รวมถึงความรู้ในการใช้ไวยากรณ์และคำศัพท์ด้วย

รูปแบบการสอบ จะมีทั้งหมด 4 พาร์ท ได้แก่ Listening, Reading, Writing, และ Speaking โดยจะคิดเป็นคะแนน เริ่มจาก 0.0 – 9.0 ซึ่งขอบอกเลยว่าราคาสำหรับสมัครสอบนี่ไม่ใช่เล่นๆ เลย เพราะฉะนั้นใครที่ต้องการจะสอบก็ควรจะเตรียมตัวดีๆ แล้วไปสอบทีเดียวให้ผ่าน จะได้ไม่ต้องเสียเงินสมัครหลายรอบ

  • เหมาะกับ : คนที่ต้องการเรียนหรือทำงานในสถานที่ที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร (โดยส่วนใหญ่แล้วหากนำสมัครเรียนต่างประเทศ จะต้องมีคะแนนประมาณ 6.0 ขึ้นไป)
  • สมัครสอบ IELTS ได้ที่ : britishcouncil.or.th



HSK

7. การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน HSK

HSK (Hànyǔ Shuǐpíng Kǎoshì) คือการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนมาตรฐานสากลสำหรับผู้ที่ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาที่สอง

  • โดยจะเป็นการสอบข้อเขียน แบ่งออกเป็น 6 ระดับดังนี้
    • ระดับที่ 1 สำหรับผู้สอบที่เข้าใจคำศัพท์และประโยคภาษาจีนง่าย ๆ เรียนรู้คำศัพท์มาแล้วอย่างน้อย 150 คำ
    • ระดับที่ 2 สำหรับผู้สอบที่สามารถใช้ภาษาจีนสื่อสารเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เรียนรู้คำศัพท์มาแล้วอย่างน้อย 300 คำ
    • ระดับที่ 3 สำหรับผู้สอบที่สามารถใช้ภาษาจีนสื่อสารเรื่องความเป็นอยู่ การศึกษา การทำงาน และท่องเที่ยวในประเทศจีน เป็นต้น เรียนรู้คำศัพท์มาแล้วอย่างน้อย 600 คำ
    • ระดับที่ 4 สำหรับผู้สอบที่สามารถใช้ภาษาจีนสื่อสารในหัวข้อที่กว้างขวางขึ้นและสามารถสื่อสารกับผู้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแม่ได้อย่างคล่องแคล่ว เรียนรู้คำศัพท์มาแล้วอย่างน้อย 1,200 คำ
    • ระดับที่ 5 สำหรับผู้สอบที่สามารถอ่านเข้าใจภาษาจีนจากหนังสือพิมพ์และนิตยสารจีนฟังเข้าใจรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์จีน และสามารถพูดภาษาจีนในที่สาธารณะได้ เรียนรู้คำศัพท์มาแล้วอย่างน้อย 2,500 คำ
    • ระดับที่ 6 สำหรับผู้สอบที่สามารถฟังและอ่านข่าวสารภาษาจีนได้อย่างดี สามารถสื่อสารความคิดเห็นของตัวเองด้วยปากเปล่าหรือการเขียนเป็นภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว เรียนรู้คำศัพท์ภาษาจีน 5,000 คำขึ้นไป

 

 

JLPT

8. การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น JLPT

เป็นการสอบเพื่อวัดผลและรับรองความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของนักศึกษาต่างชาติที่ศึกษาภาษาญี่ปุ่นภายในและนอกประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 5 ระดับ และมีระดับ 1 เป็นระดับที่มีความยากที่สุด

  • ระดับที่ N1
    • การอ่าน : อ่านบทความ บทวิจารณ์ในหนังสือพิมพ์ที่เขียนเกี่ยวกับหัวเรื่องต่าง ๆ ในวงกว้างหรือข้อความที่เป็นแนวตรรกะ มีความซับซ้อน มีความเป็นนามธรรมสูงได้
    • การฟัง : ฟังบทสนทนา ข่าว การบรรยายที่มีเรื่องราวในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยมีระดับความเร็วในการพูดที่เป็นธรรมชาติได้
  • ระดับที่ N2  
    • การอ่าน : อ่านบทความที่มีประเด็นชัดเจนอย่างเช่น บทความในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารที่เขียนเกี่ยวกับหัวเรื่องต่าง ๆ ในวงกว้าง หรือคำอธิบายหรือบทวิจารณ์ง่าย ๆ ได้
    • การฟัง : ฟังบทสนทนา ข่าว ที่มีเรื่องราวในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งสถานการณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันโดยมีระดับความเร็วในการพูดที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติได้
  • ระดับที่ N3
    • การอ่าน : อ่านบทความที่มีเนื้อหาเป็นรูปธรรมที่เป็นหัวเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน แล้วสามารถเข้าใจได้ สามารถจับใจความคร่าว ๆ ของข้อมูลที่มาจากหัวข้อข่าวได้
    • การฟัง : ฟังบทสนทนาในชีวิตประจำวัน โดยมีระดับความเร็วในการพูดใกล้เคียงกับระดับธรรมชาติเล็กน้อยได้
  • ระดับที่ N4
    • การอ่าน : อ่านทำความเข้าใจเรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวันที่เขียนด้วยคำศัพท์และอักษรคันจิขั้นพื้นฐานได้
    • การฟัง : ฟังบทสนทนาในชีวิตประจำวันที่พูดช้าเล็กน้อยแล้วพอที่จะเข้าใจเนื้อหาได้เป็นส่วนใหญ่ได้
  • ระดับที่ N5
    • การอ่าน : อ่านประโยค วลีที่เขียนด้วยอักษรฮิรางานะ คาตากานะ และคันจิอย่างง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันได้
    • การฟัง : ฟังบทสนทนาสั้น ๆ ในห้องเรียน ในชีวิตประจำวันที่พูดอย่างช้า ๆ แล้วเข้าใจเนื้อหาข้อมูลได้
  • ติดตามข่าวสารการเปิดรับสมัครได้ที่ : jlptonlinethailand.com
  • อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดตัวอย่างข้อสอบ JLPT ได้ที่นี่

 

 

Photoshop

9. เรียน Photoshop ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปถึงขั้นโปร

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Photoshop กลายมาเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนควรมีสำหรับการทำงาน เพราะเราอยู่ในโลกที่นำเสนอหลายๆ อย่างด้วยรูปภาพ ไม่ว่าจะเป็นรูป Profile ในเฟซบุ๊ก, รูปอาหารที่ต้องลงตอนดึก หรือจะเป็นการใช้งานตกแต่งรูปเพื่อการทำงานก็ด้วยเช่นกัน

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนอีกเช่นกันที่จะเกิดมาพร้อมกับความเก่งกาจใช้งาน Photoshop ได้คล่องแคล่ว แต่ไม่ต้องร้องไห้ไปนะ เพราะทาง Adobe เขามีหลักสูตรสอนใช้งานโปรแกรมต่างๆ ออกมาให้เราได้เรียนกันฟรีๆ ไปเลย! ซึ่งจากที่ได้ลองไปเรียนดูแล้วก็พบว่า โอ้โห..โคตรดีเลยว่ะ แถมบางอย่างก็เพิ่งมารู้จากในนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ

  • มาเปิดโลกให้กว้างขึ้นกันได้ที่ : photoshop/tutorials

 

 

WordPress

10. เรียนทำเว็บไซต์สำหรับคนที่ไม่เคยเรียนมาก่อน!

ยุคนี้ยุคดิจิทัล ใครๆ ก็อยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ซึ่งขอบอกเลยว่าการจะสร้างเว็บขึ้นมาสักเว็บไม่ใช่เรื่องยากและไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ด้วย (ในขั้นเบื้องต้น) เพราะทุกสิ่งในโลกสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ทั้งนั้น โดยการจะสร้างเว็บขึ้นมา 1 เว็บ จริงๆ แล้วมีเครื่องมือต่างๆ มากมายให้เลือกใช้กัน แต่ในที่นี้ขอเลือก WordPress ขึ้นมาให้ทุกคนได้รู้จักกันก่อน

WordPress คือโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีไว้เพื่อสร้างและจัดการเนื้อหาบนอินเตอร์เน็ต ที่เมื่อก่อนจะนิยมใช้สำหรับทำ Blog (ที่หลายๆ คนทำกันและได้ชื่อว่า Blogger นั่นแหละ) โดยหลังๆ WordPress ได้ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนสามารถสร้างเป็นเว็บไซต์หรือเว็บ community ที่ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายกว่าเดิม /อะๆ อย่าเพิ่งปวดหัวกัน ถ้าใครยังไม่เข้าใจก็สามารถไปอ่านเกี่ยวกับ WordPress เพิ่มได้ที่ > wpthaiuser.com

และเราได้เลือกคอร์สเรียนออนไลน์ที่คิดว่าเหมาะกับผู้เริ่มต้นมาให้แล้ว

  • 1. เรียนพื้นฐานการสร้างเว็บไซต์ก่อน

 

  • 2) เรียน WordPress เบื้องต้นสำหรับมือใหม่ : Complete WordPress Training For Beginners
  • 3) หรือถ้าใครยังไม่เข้าใจ ก็สามารถเรียนด้วยตัวเองผ่านทาง Youtube ได้ด้วย เพียงแค่ค้นหาว่า “WordPress เบื้องต้น”

 

อ่านแล้วอาจคิดว่ายากจัง มีหลายขั้นตอนสุดๆ แต่เรา(คนเขียน)ก็ตั้งใจเลือกคอร์สมาให้ทุกคนได้ลองทำตามจริงๆ นะ อาจดูยากแต่ถ้าทำตามทีละขั้นตอน ขอบอกเลยว่าใครๆ ก็สร้างเว็บขึ้นมาเองได้ในขั้นพื้นฐาน อย่างน้อยก็ทำให้เราเข้าใจการใช้งานและพอจะเขียน Blog ของตัวเองกันได้ แต่ถ้าอยากได้แบบที่ Advance ขึ้นก็ต้องอาศัยคนที่เรียนด้านนี้มาโดยตรงเนาะ

และสำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ เราอยากจะขอมอบกำลังใจให้ทุกคนได้ลองเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในชีวิตกันนนนน บางทีอาจค้นพบทักษะอื่นๆ ที่แฝงอยู่ในตัวก็ได้นะ 🙂

เลือกซื้อสมุดจดลายน่ารักๆ เพื่อเพิ่มกำลังใจในการเรียนได้ ที่นี่

 


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save