“เค้ก” ของหวานอับดับต้นๆ ที่ใครๆ ก็รู้จัก นอกจากจะเป็นเครื่องหมายของการเฉลิมฉลองยังเป็นของหวานที่หาทานได้ง่าย จะทานคู่กับกาแฟหรือไว้ทานตอนนัดเจอกับเพื่อนฝูงก็เป็นที่นิยมทั้งสิ้น แต่เค้กที่เราชอบทานไม่ได้แบ่งชนิดง่ายๆด้วยเนื้อแป้งอย่าง เค้กกาแฟ ,เค้กช็อกโกแลต หรือเค้กยอดนิยมอย่างเค้กเนยแค่นั้น ยังมีเค้กชนิดหลากหลายจากทั่วโลก ที่มีท็อปปิ้งและส่วนผสมวิธีทำต่างๆ มากมายลองมาดูกันบ้างว่าเราเคยลิ้มลองกันครบหรือยัง Black Forest เค้กที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมัน ลักษณะของเค้กชนิดนี้คือตัวแป้งสปองจ์เป็นรสช็อกโกแลตสลับกับชั้นครีมและตกแต่งด้านบนสุดด้วยเชอร์รี่ Upside – Down เค้กที่มีกรรมวิธีในการทำคือจัดเรียงผลไม้ให้ไปอยู่ด้านล่างสุดที่ฐานของแม่พิมพ์อบ แล้วค่อยพลิกกลับขึ้นในตอนท้ายนิยมใช้สัปปะรดหรือพีช วางตกแต่งด้วยผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ Pavlova จริงๆแล้ว Pavlova ก็คือเมอแรงก์ในรูปแบบของเค้กนั่นเอง วิธีทำคือเทไข่ขาวที่ตีแล้วเป็นกองๆ แล้วเกลี่ยด้วยหลังช้อน ให้เป็นหลุมตรงกลาง แล้วนำเข้าเตาอบ ก่อนจะตกแต่งด้วยวิปครีมและผลไม้ Baumkuchen เค้กชนิดนี้เรียกยากซักหน่อย อ่านเป็นภาษาไทยว่า “บามคูเฮน” จริงๆแล้วมีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมันแต่กลับเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่นบามคูเฮนมีรูปร่างเหมือนวงปีของต้นไม้วิธีทำต้องใช้ความละเอียดอ่อนอย่างมากในการค่อยๆ หมุนแกนเพื่อย่างเค้กให้สุกทีละชั้น โดยปกติจะอยู่ประมาณ 15 – 20 ชั้น Croguembouche ของหวานที่มีที่มาจากประเทศฝรั่งเศส ที่นำมารวมว่าให้เป็นประเภทหนึ่งของเค้ก เพราะคนนิยมใช้เป็นเค้กแต่งงาน เค้กชนิดนี้เกิดจากการวางเรียงครีมพัฟซ้อนกันเป็นรูปทรงกรวยแล้วพันด้วยน้ำตาลเคี่ยวเส้นบางๆ บ้างท็อปปิ้งด้วยช็อกโกแลตและอัลมอนด์ Red Velvet เค้กที่มีลักษณะเด่นเป็นสีแดงเข้ม แต่จริงๆแล้วตัวแป้งสปันจ์ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก คือ เนย แป้ง และโกโก้ ส่วนสีแดงได้มาจากสีผสมอาหารหรือบีทรูท ตัวเค้กจะแทรกชั้นด้วยครีมชีส Lamington ขนมเค้กที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ชิ้นไม่ใหญ่มาก มีส่วนประกอบคือตัวเค้กสปันจ์นำไปชุปช็อกโกแลตหรือราสเบอร์รี่ก่อนนำไปคลุกกับเกล็ดมะพร้าวแห้ง Opera เค้กสัญชาติฝรั่งเศส ประกอบด้วยอัลมอนด์สปันจ์เค้ก หรือที่เรียกว่า Joconde แล้วพรมด้วยน้ำเชื่อมกาแฟ สลับชั้นกับช็อกโกแลตกานาชและบัตเตอร์ครีมกาแฟ ด้านบนสุดราดช็อกโกแลตเกลซ บางครั้งนิยมเขียนตัวอักษร “Opera” เพื่อตกแต่งด้วย
