AIS ได้จัดแถลงข่าวการเปิดตัว 4 บริการดิจิทัลรูปแบบใหม่ ในแคมเปญ “ที่ 1 ดูแลด้วยใจ ให้ชีวิตดิจิทัล” ภายใต้แนวคิด “AIS Live 360” พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ ได้แก่ วี-วิโอเลต, เต้ย-จรินทร์พร และเจมส์-จิรายุ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เริ่มด้วย คุณบุษยา สถิรพิพัฒน์กุล รองกรรมการผู้อำนวยการ ได้ขึ้นมาอธิบายที่มาของแคมเปญนี้ว่า “คำว่าที่ 1 ในการให้บริการเป็นสิ่งที่เอไอเอสใช้ย้ำกับตัวเองว่าทุกๆ ครั้งที่ออกแบบการบริการและส่งมอบให้กับลูกค้า เอไอเอสจะทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น แล้วลูกค้าจะสัมผัสคำว่าที่ 1 ได้ด้วยตัวเอง” “พฤติกรรมลูกค้าในยุคดิจิทัลมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ความรวดเร็วและความสะดวกยังเป็นพื้นฐานที่ลูกค้าต้องการ แต่สิ่งที่ลูกค้าต้องการยิ่งกว่าคือการที่ลูกค้าสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ทุกที่ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าต้องการการบริการที่เฉพาะเจาะจง ตอบโจทย์ชีวิตของแต่ละคน (Personalization) เอไอเอสจึงได้นำเทคโลโนยีมาผสานการออกแบบด้วยใจ เป็นที่มาของแคมเปญ ที่ 1 ดูแลด้วยใจ ให้ชีวิตดิจิทัล” รู้จักกับ 4 บริการดิจิทัลรูปแบบใหม่ จาก AIS 1. My AIS App ถือเป็นการเปิด AIS Shop สาขาที่ 139 ซึ่งคุณบุษยา กล่าวว่าจะเป็นสาขาที่รู้จักลูกค้ามากที่สุด มีผู้ช่วยบริการตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง เป็นสาขาที่อยู่ใกล้ลูกค้าที่สุด ก็คือบนมือถือนั่นเอง ซึ่งนอกจากแอปปลิเคชั่นนี้จะรองรับระบบต่างๆ แล้ว ยังมีสิ่งพิเศษคือ สามารถซื้อแพคเกจ HBO ได้ด้วย 2. Ask Aunjai มีการนำระบบถาม-ตอบลูกค้า ซึ่งได้เปิดตัวไปในปีที่ผ่านมา คือ “Ask Aunjai” เข้ามาไว้ใน My AIS app ด้วย รวมถึงมีการเพิ่มความขี้เล่น น่ารักสดใสให้กับ Ask Aunjai เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้งานรู้สึกเหมือนได้คุยกับพนักงานจริงๆ โดย “Ask Aunjai” สามารถพูดคุยกับผู้ใช้งานได้ทั้งเรื่องเล่นๆ และเรื่องจริงจัง อย่างภายในงานแถลงข่าว เจมส์จิ ได้ขึ้นไปเป็นตัวแทนสาธิตการใช้งาน Ask Aunjai เมื่อถามว่า “เราหล่อไหม” อุ่นใจก็ตอบว่า “หล่อที่สุดในสามโลก” เป็นต้น 3. “บริการลัดสาย (IVR Speech Recognition)” บริการใหม่ รู้ใจคนชอบทางลัด จากสถิติลูกค้าผู้ใช้งานมีการติดต่อผ่านทาง call center มากที่สุด ถึงเกือบ 7.9 ล้านสายต่อปี ซึ่งทางเอไอเอสได้มีการพัฒนาส่วนของ Call Center อย่างต่อเนื่อง ทั้งการรองรับภาษาที่หลากหลาย แต่เอไอเอสพบว่า สิ่งที่จะตอบโจทย์ลูกค้าที่สุดก็คือการที่ไม่ต้องรอสายนานระหว่างใช้บริการ Call Center เอไอเอสจึงได้นำเทคโนโลยีการสั่งด้วยเสียง เพื่อให้ระบบพาลูกค้าไปยังเมนูที่ต้องการได้ภายในเวลาเพียง 3 วินาที โดยบริการนี้จะเริ่มกับลูกค้า Serenade ก่อน แล้วจึงเป็นลูกค้าทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 4. “Omni-Channel” เชื่อมโยงข้อมูลของลูกค้าแบบไร้รอยต่อ เนื่องจากเอไอเอสมีช่องทางการให้บริการที่หลากหลาย เอไอเอสจึงคิดหาวิธีการที่ไม่ต้องให้ลูกค้าพูดข้อมูลให้พนักงานฟังซ้ำในแต่ละช่องทาง จึงได้ออกมาเป็นบริการ “Omni-Channel” บริการที่จะเชื่อมโยงข้อมูลของลูกค้า เพื่อที่เอไอเอสจะได้ให้บริการได้ทันทีโดยที่ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาพูดซ้ำ ทั้ง 4 บริการรูปแบบใหม่นี้ เป็นการออกแบบบริการด้วยใจโดยนำเทคโนโลยีมาตอบโจทย์ โดยคุณบุษยากล่าวว่า “คำว่าใจคือการเข้าใจความต้องการของลูกค้า เพื่อออกแบบการบริการอย่างตั้งใจ และดูแลลูกค้าทุกคนด้วยใจ” ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะนอกจาก 4 บริการข้างต้นแล้ว เอไอเอสยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย อย่างเช่น การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการจัดกิจกรรม “AIS Trip” เพื่อพาลูกค้าไปสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยแบบ Unseen หรือจะเป็นสิทธิ AIS Privileges ที่ได้ดึงร้านที่ถูกใจลูกค้าคอกาแฟอย่าง Starbucks และแอปปลิเคชั่นอาหารยอดฮิตอย่าง Wongnai เข้ามาร่วมกับเอไอเอสด้วย https://www.youtube.com/watch?v=GXqGDXQ1i_A&feature=youtu.be