category เปิดใจ ตูน บอดี้สแลม กับโครงการวิ่งการกุศล #ก้าวคนละก้าว

Writer : Sam Ponsan

: 7 ธันวาคม 2559

interview-toon-body-slam

นาทีนี้เชื่อว่าหลายคนอยากฟังพี่ตูน บอดี้สแลม (อาทิวราห์ คงมาลัย) ตอบคำถามต่างๆ เกี่ยวกับโปรเจคต์ ‘ก้าวคนละก้าว’ มากมาย เนื่องจากโครงการวิ่งการกุศลที่เขาทำโดยทุ่มเททั้งแรงกาย และแรงใจหาเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลบางสะพาน นั้นกำลังเป็นที่สนใจ

ในวันที่ 6 ของการวิ่ง เขามีโอกาสพักผ่อนหนึ่งวัน หลังตื่นมาตีสามและออกวิ่งตอนตีสี่ ต่อเนื่องห้าวันติด  พี่ตูนได้ Live ผ่าน facebook เพื่อตอบคำถามเปิดใจในหลายเรื่องกับแฟนคลับ และยังโกนหนวดตามคำสัญญาที่ให้ไว้ว่าถ้าเงินบริจาคถึง 20 ล้านบาทเขาจะโกนหนวด

สำหรับคนที่ไม่มีเวลาดู Live เราได้เรียบเรียงบทสัมภาษณ์สดในวันนั้นมาให้คุณดู ไม่แน่ว่าบทสัมภาษณ์นี้อาจจะทำให้คุณรักผู้ชายคนนี้มากขึ้น อยากจะช่วยบริจาค หรืออาจจะอยากออกวิ่งไปกับเขาก็ได้

toon-quote-1

ก่อนออกวิ่งใน #ก้าวคนละก้าว คุณซ้อมมาเยอะแค่ไหน

พี่ตูน : ผมซ้อมวิ่งวันละ 21 กิโลเมตร ตลอดทั้งเดือนก่อนเริ่มวิ่งใน  #ก้าวคนละก้าว ผมซ้อมวิ่งไปทั้งหมดราว 300 กว่ากิโลเมตรตลอดหนึ่งเดือนของการฝึกซ้อม เราไม่มั่วที่จะออกมาวิ่ง 400 กิโลเมตรเลย ไม่ใช่จู่ๆ นึกจะวิ่งก็มาวิ่ง เราซ้อมก่อน บางทีซ้อมกลางแดดด้วยซ้ำ ถ้าซ้อมสบายๆ แล้วมาเจอแดดมันคนละเรื่อง เราเลยซ้อมให้หนักไว้ก่อน

ก่อนจะวิ่งคุณตั้งเป้าหมายไหมว่าอยากจะได้เงินบริจาคเท่าไหร่

พี่ตูน : ผมอยากได้สี่สิบล้านบาท เราตั้งเป้าให้สูงไว้เพราะเครื่องมือแพทย์ราคามันสูงมาก เครื่องเล็กๆ ขนาดเท่าเพลย์สเตชั่น 4 นี่ราคาห้าแสนนะ ตลอดห้าวันที่ผมวิ่ง เราเจอเครื่องกายภาพบำบัดตลอดเวลา ผมถามเขาว่าเครื่องเล็กๆ นี่เท่าไหร่ ได้คำตอบว่า ห้าแสนบาท!! แล้วสี่สิบล้านบาทที่เราจะพยายามเอาไปให้เขา หากมันเปลี่ยนเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในโรงพยาบาลบางสะพาน มันก็ได้แบบจำกัดอยู่ดี ผมคิดว่าสี่สิบล้านบาทที่ตั้งใจไว้ ด้วยน้ำใจน้ำใจคนไทยผมว่าได้ถึงแน่ๆ แต่ผมอยากจะได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราคิดว่าลงทุนลงแรงกระจายข่าวก็อยากได้ผลกลับมาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยที่สุด เพราะไม่รู้ว่าจะทำโปรเจคเพื่อโรงพยาบาลนี้ได้อีกทีเมื่อไหร่ แต่เราดีใจที่ได้เห็นน้ำใจคนไทยเป็นกลุ่มเป็นก้อน

วิ่งโหดขนาดนี้วางตารางวิ่งในแต่ละวันอย่างไร

พี่ตูน : เราออกวิ่งเช้ามากๆ เพราะเหตุผลเรื่องจราจร และการวิ่งระยะยาวต้องพยายามหลบความร้อนที่ทำให้เราเหนื่อยจากการเสียเหงื่อ เราเลยวางแผนวิ่งเช้าหน่อยแบ่งเป็นสองเซ็ต เซ็ตแรกเราวิ่งครั้งละสิบกิโล ส่วนสองเซ็ตหลังต้องจำเป็นต้องโดนแดดบ้างแต่ก็จะพยายามไม่วิ่งตอนมืดเพราะจะเดือดร้อนคนอื่นและไม่ปลอดภัย

toon-quote-2

บางช่วงคุณวิ่งเร็ว บางช่วงคุณชะลอ คุณแบ่งจังหวะจากอะไร

พี่ตูน : เราเน้นไม่บาดเจ็บ เน้นเอาให้จบใน 400 กิโลเมตรเป็นตัวตั้ง เราจะวิ่งอย่างไรให้สภาพร่างกายไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งใจ ส่วนใหญ่จะวิ่งในจังหวะที่ไม่เร็ว ไม่ช้าจนเกินไป หลายคนบอกวิ่งช้าปลอดภัย เซฟพลังงานกว่า จริงๆ สำหรับผมคนเดียวนะ วิ่งช้ามันค่อนข้างจะกระแทกและลงน้ำหนักเยอะ ถ้าวิ่งช้ามากๆ ผมจะปวดเอ็นร้อยหวาย ผมเลยค่อยๆ เพิ่มความเร็วไปจนอยู่ในความเร็วที่คิดว่ามันสบายกับเรา

ตอนที่คุณคิดว่าจะวิ่งกับตอนที่ไปวิ่งจริงๆ มีอะไรบ้างที่แตกต่างจากภาพที่คุณคิดไว้ในหัว

พี่ตูน : ตอนเราออกวิ่งก้าวแรกก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะมีภาพอะไรเกิดขึ้น เพราะไม่เคยมีใครในเมืองไทยทำแบบนี้มาก่อน ส่วนในโลกก็อาจจะมีคนทำแบบนี้ เพียงแต่ผมไม่เคยเห็น  นอกจาก ‘ฟอร์เรส กัมป์’ นะ (หัวเราะ) แต่ภาพที่เห็นก็คือผมประทับใจมากเวลาที่คนรอเชียร์เราข้างทาง เวลารถที่ผ่านไปแล้วเค้าเปิดกระจกตะโกนเชียร์เรา เหมือนเขารู้นะว่าจุดประสงค์ของการวิ่งนั้นทำเพื่ออะไร

จำได้ว่าคุณป้าคนหนึ่งรอคุณผ่านเพื่อที่จะยื่นเงินให้ ป้าบอกว่าส่ง SMS ไม่เป็นเลยจะรอยื่นเงินให้คุณถึงมือ ความรู้สึกคุณตอนนั้นเป็นอย่างไร

พี่ตูน : ผมซาบซึ้งใจมาก ผมตื้นตันมาก ปกติผมร้องไห้ไปแล้ว แต่แอคชั่นของผมตอนนั้นคือเราเหนื่อยแต่ก็ตื้นตัน ผมรู้ว่ามันตื้นตันมาก แต่ทำไมไม่มีน้ำตาก็ไม่รู้ อาจจะเพราะเรามุ่งไปข้างหน้า แต่เราประทับใจมาก จริงๆ มีอีกหลายคนที่เราประทับใจ ไม่สิเรียกว่าทุกคนที่ตั้งใจมาสนับสนุนเรา ผมประทับใจ บางคนเป็นคนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ เขาควักแบงค์ร้อยให้เลย น้ำใจเขายิ่งใหญ่มากเราไม่ได้คิดเลยว่าจะเห็นคนทุกสถานะในสังคมออกมาช่วยสนับสนุน

toon-quote-3

จนถึงตอนนี้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นอย่างไร

พี่ตูน : วินาทีนี้ผมคิดว่าเราตัดสินใจถูกที่ทำเรื่องนี้ ดีใจที่ได้แชร์ความรู้สึกนี้ให้คนได้รู้ถึงปัญหาที่เราไปเห็นมา แล้วเราจะไม่ยอมเห็นคนเดียว เราจะไม่ยอมทิ้งภาพที่เห็นไว้แค่ตรงนั้น เราอุตสาห์มีเสียงเล็กๆ ของที่จะบอกต่อได้ เลยคิดว่าน่าจะทำอะไรบางอย่าง ตลอด 6 วันของการวิ่ง ผมคิดว่าตัวเองคิดถูกที่เอาเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่ที่ซ่อนอยู่มาบอกให้ทุกคนได้รับรู้ เมื่อคนรับรู้เขาก็ยินดีช่วยตั้งแต่เงินบาทเดียวจนถึงสองล้านที่มีคนยื่นมาให้

ทราบมาว่าคุณเครียดมากถ้าการวิ่งของคุณทำให้รถติด หรือคนเดือดร้อน

พี่ตูน : ใช่ ผมตั้งใจดีที่จะมีเป้าประสงค์ที่จะช่วยเหลือ อยากทำอะไรที่มันเกิดประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อย โดยโจทย์แรกของผมคือต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใครเลย หรือทำให้คนอื่นเดือดร้อนน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันจึงเป็นที่มาของการวางแผนการวิ่งในบางเส้นทาง เช่นวิ่งแถวเดียว หรือชิดซ้ายให้มากที่สุด เราไม่อยากให้เกิดความเดือดร้อนกับใครเลยแม้แต่คนเดียว ผมรู้ว่าคนที่ใช้รถใช้ถนนบางทีเขารีบร้อน บางคนเขาไม่ได้คิดเหมือนเรา ดังนั้นกฎข้อแรกของผมคือไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเลย

ทำไมคุณถึงไม่คิดว่าก็ช่วยคนตั้งเยอะรถติดนิดนึงจะเป็นอะไรไป

พี่ตูน : ไม่ได้ เราคิดแบบนั้นไม่ได้ เราคิดอยู่เสมอว่าใจเขาใจเรา ยังไงก็ต้องวางแผนการวิ่งให้ดีที่สุดไม่เดือดร้อนใคร ถ้ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นหน้างานเราก็จะรีบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เราต้องกราบขออภัยจริงๆ หากทำให้ใครเดือดร้อน อย่างบางช่วงที่เราวิ่งรถติดเพราะมีการทำถนน ถ้าเราวิ่งก็อาจจะยิ่งทำให้รถติดขึ้นไปอีก ก็พยายามบอกให้ทุกคนชิดซ้ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราอยากให้ทุกคนปลอดภัยมากที่สุด เราเจอปัญหาก็แก้ตลอด ทุกวินาทีทุกอย่างเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา บางช่วงของการวิ่งเราถึงต้องมาวางแผนแก้ไขที่หน้างาน

Writer Profile : Sam Ponsan
นักเขียนหนุ่มสุดเท่ที่ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ ขนาดฝนตกยังยอมขี่รถตากฝนเลยเพราะคิดว่าทำแล้วเท่ งานอดิเรกของเขาคือการไปออกกำลังกายเพราะเชื่อว่าทำแล้วเท่ ปัจจุบันก็ยังชอบทำ Content อะไรเท่ๆ ลงเว็บ Mango Zero ด้วย แหม่...เท่จริงๆ
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save