ทำงานเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์ ก็ต้องอยากหาที่เที่ยวสำหรับชาร์จพลัง ถึงวันหยุดจะน้อย แต่เงินในกระเป๋าอาจจะน้อยกว่า จะไปเที่ยวต่างประเทศแต่ละทีต้องคำนวณทั้งวันลา ทั้งค่าใช้จ่าย เราเลยจะพาไปนั่ง MRT แค่ไม่กี่นาทีก็ (เหมือน) ถึงไต้หวัน ด้วยการไปลงสถานีวัดมังกร ไม่ต้องไปไหนไกล แถมยังได้รูปมุมใหม่ๆ ไปอัปไอจี ในที่สุดกรุงเทพฯ ก็มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่านให้เราโดยสารไปมาเท่านั้น แต่มีการตกแต่งอย่างอลังการ ให้ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวแวะมาชมความงามเพลินๆ หรือจะเดินถ่ายรูปปังๆ ก็ได้ ซึ่งสถานีที่เปิดให้ทดลองนั่งฟรีขณะนี้ได้แก่ สถานีวัดมังกร สามยอด สนามไชย อิสรภาพ และสถานีท่าพระ ภายในสถานีจะมีเจ้าหน้าที่คอยตอบคำถามและแนะนำการเดินทางต่างๆ รวมถึงป้ายแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมระบุระยะทางจากแต่ละสถานีทั้ง 5 ทันทีที่ออกจากขบวนรถไฟฟ้ามาก็ต้องตระการตากับการตกแต่งด้วยสีแดงเด่นของสถานีวัดมังกร ที่มองเห็นได้ตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด บันไดและผนังตกแต่งด้วยลวดลายมังกร รวมไปถึงห้องจำหน่ายตั๋วและของภายในสถานีที่คงคอนเส็ปต์ความจีน แค่เดินในสถานีก็ได้รูปเป็นร้อยแล้ว มาสถานีวัดมังกรทั้งที ต้องไม่พลาดเข้าไปไหว้พระสะสมแต้มบุญในวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) ทำบุญ ขอพรให้สบายใจแล้วก็ต้องไปหามุมถ่ายรูป ถ่ายไปถ่ายมาอาจจะงงว่าอยู่ไทยหรือวัดหลงซานในไทเปกันแน่ ถ้าอยากได้มุมใหม่ไม่ซ้ำใคร แถมยังได้ฟีลมาเที่ยวต่างประเทศ ด้านข้างประตูทางเข้าจะมีผนังสีเทาสลักลวดลายมังกรและมีตัวอักษรภาษาจีน เป็นอีกมุมที่สวยไม่แพ้มุมยอดฮิต มุมทางเดินหน้าวัดมังกรเต็มไปด้วยร้านขายของไหว้เจ้าละลานตา เป็นอีกมุมที่ถ่ายรูปออกมาแล้วดูเหมือนอยู่ไต้หวันได้เหมือนกัน ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามวัดมังกร ทางเข้าวัดกันมาตุยาราม ทางเดินที่พลุกพล่านไปด้วยคนขายทั้งคนไทยและจีน นักท่องเที่ยวมากมายที่มาจับจ่ายผลไม้และของใช้ในตลาด เป็นอีกหนึ่งพิกัดที่ให้กลิ่นอายความเป็นชุมชนไต้หวัน เดินมาจากสถานีวัดมังกรไม่ไกล ในซอยเท็กซัสเป็นที่ตั้งของ Ba Hao Tian Mi คาเฟ่ขนมสไตล์จีนน้องใหม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นสาขาน้องสาวของ Ba Hao บาร์สไตล์จีนที่อยู่ในซอยนานา น้องคนนี้ก็จะมีความหวานๆ ใสๆ กว่า Ba Hao เพราะเน้นเมนูขนมหวานที่ต่อยอดมาจากเมนูสุดฮิตจากร้านเดิมนั่นเอง กิมมิกของร้านคือประตูโค้งทรงกลม มองเห็นเคาน์เตอร์สั่งอาหาร ตู้แช่พุดดิ้ง และบาร์หินอ่อนในร้าน ตกแต่งสไตล์จีน ด้วยแจกันดอกไม้แห้งที่ดัดแปลงมาจากกาน้ำชา เซียมซีสีแดง นกยูงประดับ ที่ยิ่งเพิ่มความน่ารักให้กับร้านเข้าไปอีก ถึงจะมีที่นั่งไม่มาก แต่ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยถูกใจไปหมด เมนูซิกเนเจอร์ที่แนะนำให้ลองคือพุดดิ้งงาดำ (128 บาท) พุดดิ้งนมถั่วเหลืองเนื้อเนียนนุ่ม ท็อปด้วยงาดำ และซอสงาดำสำหรับราดอีกที เป็นความลงตัวที่ไม่ควรพลาด พุดดิ้งโกจิเบอร์รี่ (108 บาท) เนื้อพุดดิ้งแบบเดียวกันแต่ท็อปด้วยไซรัปโกจิเบอร์รี่ที่ไม่หวานมาก แถมยังใช้วัตถุดิบคุณภาพดีที่ส่วนใหญ่รับมาจากร้านในเยาวราชนี่เอง ใครที่ไม่ค่อยถูกกับถั่วเหลืองบอกเลยว่ากินได้สบายมาก เพราะรสชาติจะออกหอมหวานมัน ไม่ได้มีกลิ่นนมถั่วเหลืองชัดเจน ส่วนเครื่องดื่มก็ยังคงคอนเส็ปต์ดีต่อใจ ได้สุขภาพดี กับเมนูใบบัวบกลาเต้ (128 บาท) ที่เป็นน้ำใบบัวบกจากร้านเก่าแก่ในย่านนี้ผสมกับนมคุณภาพดีที่เจ้าของร้านคัดสรรมาเอง สำหรับใครที่ไม่ใช่สายของหวานสามารถสั่งโทสต์หมูหยองไข่เค็ม (188 บาท) มาลองได้ ขนมปังเนื้อนุ่มหอมไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม ท็อปด้วยหมูหยอง ได้ลองแล้วอยากสั่งเพิ่ม ร้านเปิดทุกวัน 11.30-22.30 น. ระหว่างทางไปถนนเยาวราชจะผ่านตลาดที่สองข้างทางเต็มไปด้วยของสดของแห้ง ตั้งแต่ผลไม้ไปจนถึงใบชา ได้กลิ่นอายความเป็นจีนเก่าแก่ สำหรับมุมยอดฮิตอย่างถนนเยาวราช ที่มองไปทางไหนก็โดดเด่นไปด้วยสีแดง สีทอง และตัวอักษรภาษาจีน จะโพสท่าเดิน หรือหันมาจิกกล้องเบาๆ ก็ดูจัดจ้านในย่านจีนแบบสุดๆ เดินเข้าไปในตลาดเก่าเยาวราช นอกจากจะมีร้านขายของสารพัดอย่างแล้ว ลึกเข้าไปในซอยวานิช 1 ซึ่งเชื่อมกับตลาดยังมีตึกแถวทั้งเก่าและใหม่ เรียงรายกันไปตลอดแนว บางร้านและบ้านมีตัวอักษรจีนยิ่งเพิ่มกลิ่นอายของชุมชนเก่า เป็นอีกพิกัดที่เราสามารถถ่ายรูปได้ เมื่อย่านเยาวราชสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น มีที่เที่ยว กิน ชอป โลเคชันถ่ายรูปมากมายขนาดนี้ ใครที่เคยคิดว่าเยาวราชอยู่ไกล ขอให้คิดใหม่ เพียงแค่นั่ง MRT มาลงสถานีวัดมังกร เดินไม่กี่ก้าวก็เที่ยวเยาวราชได้ยาวๆ แล้ว
