“มาเล มาเล มาเล มาเล มาเล มาเล ฉันอยากหาเธอ ที่มาเลเซีย” อาจจะคุ้นหูกับเพลงนี้กันอยู่ไม่มากก็น้อย อีกทั้งยังได้รู้ว่ามีเมืองหลวงอย่าง กัวลาลัมเปอร์ จากเพลงนี้ด้วย แต่ต่อไปนี้เราจะเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น จะพาไปรู้จักกับ โรงแรม ที่พัก และสถานที่ ท่องเที่ยว ในเครือ Resort World ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการเดินทางของเราในครั้งนี้ มาให้ได้รู้จัก บทความนี้จะพามาที่จุดสูงสุดของมาเลเซียกันก่อน รีสอร์ท เวิลด์ เก็นติ้ง ตั้งอยู่บนเก็นติ้ง ไฮแลนด์ ประเทศมาเลเซีย ห่างจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ 55 กิโลเมตร หรือใช้ระยะเวลาเดินทางเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ การเดินทางมาที่ รีสอร์ท เวิลด์ เก็นติ้ง สะดวกมาก เพราะมีทั้งรถบัสและแท็กซี่ที่พร้อมรับส่งจากใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์ที่ระดับความสูง 6,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเล จุดเด่นจึงอยู่ที่อุณหภูมิคงที่ที่ระดับ 18-22 องศาเซลเซียส แทบจะตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีแหล่งความบันเทิง ร้านอาหารหลากหลาย แหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ พร้อมกลิ่นอายทางวัฒนธรรมรวมไว้ในที่เดียว เดี๋ยวพาไปดูสิ่งที่ทาง Resort World Genting เตรียมไว้ให้นั้นมีอะไรบ้างไปชมกัน Hotel On The Park ชื่อใหม่ พร้อมการตกแต่งใหม่ ไฉไลกว่าเดิมพร้อมรอต้อนรับ สวนสนุก Twentieth Century Fox World ในปลายปี 2561 เดิมชื่อสั้นๆ ของที่นี่คือ Theme Park จุดเด่นของที่นี่คือ อยู่ติดกับสวนสนุกเลย ภาพแรกที่มาถึงและได้เห็นคือ โรงแรมที่ตั้งเต็มไปด้วยหมอกและอากาศเย็นมาก วันที่ไปถึงหมอกลงค่อนข้างหนาบรรยากาศเหมือนในหนังเรื่อง The Mist (แต่ไม่น่ากลัวนะ) ภาพบรรยากาศด้านในล็อบบี้โรงแรม Hotel On The park ด้านในมีร้านขนม เครื่องดื่มเล็กๆ ชื่อ Eatopia ทาง Resort World ต้อนรับเราอย่างดีด้วยขนมและเครื่องดื่มจากร้านนี้ อร่อยมาก ก่อนจะพาไปสำรวจห้องพัก มาแนะนำกันก่อนว่าที่นี้นั้น มีห้องทั้งหมด 271 ห้อง แบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ โดยการเรียกว่า Quads และ Sixers เวลาในการ Check-in เริ่มตั้งแต่ 15.00 นาฬิกา ส่วนเวลาในการ Check-out คือ 12.00 นาฬิกา ทางเดินไปยังห้องพักประดับด้วยไฟสีม่วงสร้างความน่าตื่นเต้น Quads สามารถเข้าพักได้ สูงสุดถึง 4 คน ด้วยขนาดห้องที่ใหญ่ 260 ตารางเมตร และเตียงนอน Queen-sized ถึง 2 เตียง ภายในเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ห้องน้ำ แบบแยกห้องอาบน้ำ และ สุขา , ทีวี , ตู้เย็นขนาดเล็ก และยังมีช่องสำหรับใส่กระเป๋าเดินทางอยู่ใต้เตียง รวมถึง ตู้เสื้อผ้า และไดรฟ์เป่าผมอีกด้วย ถือว่าครบเลยทีเดียว แถมห้องยังใหญ่มากๆ อีกด้วย สำหรับห้อง Quads นั้น ราคาคืนละ ประมาณ 2,048 บาท ในช่วง Low season และในช่วง High Season ราคา จะสูงสุดที่ 4,000 บาท Sixers สามารถเข้าพักได้ สูงสุดถึง 6 คน ห้องขนาดใหญ่ 300 ตารางเมตร และเตียงนอน Queen-sized ถึง 3 เตียง แต่ แต่ แต่ จุดเด่นอยู่ที่ห้องนี้ทำเป็นเตียง 2 ชั้น คล้ายกับอยู่ในหอพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีเหมือนกันกับ Quads เลยก็ว่าได้ เหมาะจะเป็นที่พัก สำหรับครอบครัวหรือเพื่อนที่ต้องการมาเที่ยวจำนวนทีละมากๆ สำหรับห้อง Sixers นั้น ราคาคืนละ ประมาณ 2,360 บาท ในช่วง Low season และในช่วง High Season ราคา จะสูงสุดที่ 4,800 บาท ภาพอาคารโรงแรมจากบนกระเช้าในยามค่ำคืน ภาพบรรยากาศล็อบบี้ โรงแรม First World มาเดินชมกันต่อที่ส่วนของ First World Hotel ซึ่งอยู่ใน Resort World เช่นกัน โดยที่นี้ มีห้องทั้งหมดถึง7,351 ซึ่งปัจจุบันได้ถูกบันทึกว่า เป็นโรงแรมที่มีจำนวนห้องเยอะที่สุดในโลกลงใน Guinness World Record แบ่งออกได้เป็น 3 ตึกเรียกแบบตรงตัวไปเลยว่า Tower 1 , Tower 2 และ Tower 3 ซึ่งใน Tower 1 ประกอบไปด้วย ห้อง Standard 3,164 ห้อง, ห้อง Deluxe 292 ห้อง, ห้อง Deluxe triple 649 ห้อง, ห้อง Superior Deluxe 480 ห้อง และ ห้อง World club 136 ห้อง ใน Tower 2 มีห้องถึง 1,286 ห้อง ซึ่งมีห้องใหม่รวมเข้าไปแล้วอีก 2 แบบ คือ XYZ Deluxe และ XYZ Triple และ ใน Tower 3 มีห้อง อีกทั้งหมด 1,344 ห้อง เวลาในการ Check-in อยู่ที่ 15.00 นาฬิกา และ Check-out ตอน 11.00 นาฬิกา และยังมีบริการเสริมต่างๆ เช่น การขอห้องเชื่อมกัน หรือห้องสำหรับชมวิวภูเขา และหมู่บ้าน หรือการเข้า Check-in กับพนักงานแทน ห้อง Standard ราคาคืนละ ประมาณ 480 บาท ในช่วง Low season และในช่วง High Season ราคา จะสูงสุดที่ 5,200 บาท ห้อง World Club ราคาคืนละ ประมาณ 2,800 บาท ในช่วง Low season และในช่วง High Season ราคา จะสูงสุดที่ 5,600 บาท ห้อง Y5 Deluxe ราคาคืนละ ประมาณ 640 บาท ในช่วง Low season และในช่วง High Season ราคา จะสูงสุดที่ 6,312 บาท ห้อง Y5 Triple ราคาคืนละ ประมาณ 888 บาท ในช่วง Low season และในช่วง High Season ราคา จะสูงสุดที่ 5,928 บาท ภาพด้านนอกโรงแรม First World ในช่วงกลางคืน ต่อกันที่ อีกหนึ่งโรงแรมของเครือ First World นั่นคือ Maxims เป็นโรงแรมที่จะเข้าพักได้ก็ต่อเมื่อ เป็นสมาชิกของ Sky Casino เพราะเป็นรางวัลสำหรับ สมาชิกระดับ Gold และ สูงกว่าเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ในการจองห้องพักระดับ 5 ดาวนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถเข้าพักได้หากมีการจองผ่าน ออนไลน์ เอเจ้นท์ เวลาในการเข้า Check-in เวลา 15.00 นาฬิกา และ Check-out เวลา 12.00 นาฬิกา ทาง First World ได้พาเราไปดู ห้องอาหารที่อยู่ชั้นบนสุดของ Maxims และ ห้องพัก ระดับ 5 ดาว ที่จะสามารถเข้าพักได้เฉพาะ สมาชิก Sky Casino ที่มียอดสะสมคะแนนรวม 10,000,000 ใช่ อ่านไม่ผิดเลย ต้องคะแนนถึงเท่านั้นถึงจะได้พักห้องที่จะได้ชมต่อไปนี้ พร้อมแล้วมาดูกันเลย ภาพบรรยากาศ ด้านในทางเข้าโรงแรม Maxims ดูหรูหราโรมันมากๆ ทราบว่าตุ๊กตาประดับจะมีการเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ ภาพบรรยากาศห้องอาหาร Eighteen inspired cuisine ซึ่งมีสระว่ายน้ำกลางห้องอาหารความยาว 1.2 เมตร ห้องพัก The Belgravia ตื่นเต้นมากที่จะได้เข้าไปชมห้องพักที่ราคาสูงขนาดนี้แถมไม่ได้มาจากการจองธรรมดาเสียด้วย เมื่อชมห้องพักต่างๆ แล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาการเดินห้าง Sky Avenue ไปชมภาพบรรยากาศภายในตัวห้างกัน และก็เดินทางมาถึงสิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างนั้นคือ อาหาร ทาง First World ได้พาไปทานอาหาร ภายในห้าง Sky Avenue ถึง 3 ร้านด้วยกัน นั้นคือ 1. Burger and Lobster Est. London 2011 ร้านนี้ดังมากๆ เรื่องความสดของ Lobster และ Lobster ไซส์ใหญ่พิเศษที่เรียกว่า The Big Boys ซึ่งราคาของ The Big Boys ในแต่ละวันก็ไม่เท่ากัน ทางร้านเล่าว่า การได้ล็อบสเตอร์สดๆ มานั้น คือการจับมาจากทะเลที่อยู่ระหว่าง แคนนาดา กับ บอสตัน ใช้เวลาการเดินทางมาส่ง 28 วันและ ส่งต่อมายังที่ร้านสาขา Sky Avenue และที่นี่เองมั่นใจได้เลยว่า จะสดอยู่เสมอ เพราะว่ามี คอนโด Lobster ให้ได้อยู่อาศัยกัน ก่อนส่งขึ้นมาทำเป็นอาหารที่ร้าน เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ คือ Lobster น้ำหนักตัวเท่าไหร่ นั้นคือ อายุที่มีชีวิตอยู่ เช่น น้ำหนัก 3.3 กิโลกรัม นั้นก็คือ อายุ 33 ปี ซึ่งราคาการขายโดยประมาณอยู่ที่ 2,400 บาท ต่อกิโลกรัม หน้าตาของเจ้า The Big Boys ตัวใหญ่มากกกกก ส่วนเมนูยอดฮิต ที่มาที่ร้านนี้แล้วไม่สั่งไม่ได้เลยคือ Chilli Lobster มี 2 ขนาดด้วยกันคือกลาง ราคาประมาณ 1,344 บาท และ ใหญ่ ราคาประมาณ 1,384 บาท หากสู้ราคาเจ้า The Big Boys ไม่ไหว ทางร้านก็มี เมนูที่เรียกว่า The Original โดยมี 2 ขนาดเช่นกัน คือ ไซส์ปกติ ราคาประมาณ 1,184 บาท และขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนิด ราคาประมาณ 1,224 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนู เบอร์เกอร์ และ Lobster Roll ให้ได้เลือกเพิ่มเติม 2. Motorino เป็นร้าน พิซซ่าที่ทาง First World พามาให้ได้ลองทานกันแบบเรียกได้ว่าได้ลองทานครบทุกหน้าเลยทีเดียว ที่นี่มีบริการน่าสนใจอยู่หนึ่งอย่างคือสามารถสั่งแล้วให้ไปส่งที่ห้องพักได้เลย ซึ่งสะดวกสบายมาก 3. Malaysia Food Street ร้านอาหารที่ทาง First World พาไปนั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะที่ Sky Avenue ได้รวบรวมร้าน Street Food ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ของ มาเลเซีย มาไว้เป็นศูนย์กลางภายในห้างเลย ซึ่งมีอาหารมากมายหลากหลายให้เลือกรับประทาน บริการทุกระดับประทับใจเสิร์ฟมาจนจุกเลยทีเดียว มาถึงหนึ่งใน Highlight ของ Sky Avenue แล้วนั้นคือ Awana Skyway หรือก็คือ กระเช่าเคเบิลโดยค่าบริการสำหรับไปกลับ อยู่ที่ประมาณ 128 บาท หรือ จะเลือกเป็นเฉพาะเที่ยวก็ได้ เที่ยวละประมาณ 64 บาท มาชมบรรยากาศในช่วงเวลาปกติ และกลางคืนกันเลย ขอบอกเลยว่ากลางคืนหนาวมาก และหากลมแรงอาจรู้สึกได้รับความตื่นเต้นปนเสียวเล็กน้อยเพราะมีการไหวของตัวกระเช่าที่เกิดขึ้นจริง ตัวกระเช่ามีดวยกัน 2 แบบคือ Glass Floor Gondola และ Gondola ปกติ รอเข้าคิวขึ้น Glass Floor Gondola ภาพบรรยากาศด้านในและโดยรอบระหว่างทางที่นั่ง Glass Gondola Awana Skyway ในตอนกลางคืนทั้งหนาวและลมแรงมีจังหวะให้เสียวท้องน้อยอยู่เนืองๆ เมื่อดินทางด้วยกระเช่าลงมา ทาง First World ก็พาเรามายัง ถ้ำ Chin Swee จริงๆ ดูๆ ไปก้ไม่เหมือนถ้ำซะทีเดียว เพราะมีทั้ง วัด และ หอเจดีย์ 9 ชั้น อันใหญ่โตอลังการ แต่จุดที่เหมือนถ้ำที่สุดก็คงเป็น พระพุทธรูป Kuan-Yin ซึ่งหลายๆ คนที่เดินทางมาที่ Chin Swee นั้นต่างมาขอพรที่นี้กัน ว่ากันว่า สำเร็จกันไปมากมายแล้ว แต่อย่าลืมขอพรแล้วต้องมาถวายของที่แลกเปลี่ยนไว้ด้วยละ เจ้าของ Fashion Forest ผู้มีเทคโนโลยีล้ำๆ ตามทางจะมี QR Code ให้ Scan เพื่อดูว่าที่ตรงนั้นเคยพบเจอกับสัตว์อะไรบ้าง รวมถึงมี Wifi ให้ใช้เพื่อ Live สดได้ด้วย ทางผู้ดูแลเล่าว่า ในป่าแห่งนี้มีการ Live บน ช่องทาง Periscope อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจอย่าง การใช้มือถือ Android (บางรุ่น) ไปแตะกับป้าย Stage ต่างๆ ก็จะมีเพลงจาก Youtube ขึ้นมาให้ได้ฟังกันสบายอารมณ์ มันช่างล้ำจริงๆ และมาติดตามกันต่อที่ Resort World Langkawi โดย Resort World ใต้สุดของมาเลเซียได้ในรีวิวต่อไป
