ยุคนี้ใคร ๆ ต่างก็บอกเราว่า ‘ประหยัดเอาไว้’ หรือ ‘ใช้เงินให้ประหยัดนะ’ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้เราต้องรัดเข็มขัดกันมากขึ้นแม้ว่าจะรัดจนแทบหายใจไม่ออกแล้วก็เถอะ แต่ในความเป็นจริงไม่เคยมีใครเดินมาบอกวิธีปฏิบัติกับเราเลยนี่นา บอกแต่ให้ประหยัด แต่ไม่บอกว่าให้ทำยังไง อย่างกินผัดกะเพราแต่ไม่เอาไข่ดาวนี่ถือว่าประหยัดไหม? หรือถ้าไม่บุฟเฟต์เลยนี่เรียกประหยัดได้หรือเปล่า? MangoZero เลยจะมาแนะนำวิธีวางแผนการเงินของคนที่สนใจ อยากจะฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ เพื่อที่จะช่วยลดความเสี่ยงให้ชีวิต มีโอกาสเพิ่มเงินเก็บ แต่ยังสามารถใช้ชีวิตที่ต้องการได้อยู่บ้างกัน แม้ว่าเงินเดือนจะไม่เยอะมาก แต่ถ้าอยากมีอนาคตที่ดี มาลองเริ่มวางแผนการเงินกันตั้งแต่วันนี้เลย แบ่งเงินเป็น 3 ส่วนเพื่อความมั่นใจ วันที่เงินเดือนออก แต่ละคนมีวิธีการใช้เงินที่ไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ ๆ สิ่งที่ทุกคนทำเหมือนกันคือใช้หนี้ จากนั้นเหลือเท่าไหร่ ค่อยเอามาใช้จ่าย จบ ง่าย ๆ เห็นไหมนี่คือวิธีการบริหารเงินที่ถูกต้องของเรา มีเงินก็ใช้หนี้ไง อ่า ถูกต้องก็แย่แล้ว! ก่อนจะไปถึงการใช้หนี้ เมื่อเงินเดือนออก สิ่งแรกที่เราต้องทำก่อนการวางแผนการเงินไม่ใช่การใช้หนี้ ถึงแม้หนี้มันจะต้องใช้ก็ตาม แต่หากทำแบบนั้น เราจะไม่มีทางเห็นเลยว่าเงินจะไปอยู่ตรงไหนบ้าง และจะเหลือเงินเก็บจริงๆ เท่าไหร่ วิธีที่เราต้องทำกับเงินเดือนคือแบ่งเงินออกมาเป็น 3 ส่วนเพื่อง่ายต่อการจัดการดังนี้ ส่วนที่ 1 รายจ่ายประจำ คือรายจ่ายที่ต้องจ่ายในอัตราเท่าเดิมไปตลอด หรือจนกว่าจะหมดภาระ เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าผ่อนมือถือ ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค ส่วนที่ 2 รายจ่ายส่วนรายเดือน คือรายจ่ายที่ไม่มีจำนวนที่ตายตัว แต่จำเป็นต้องจ่ายเช่น ค่ากิน ค่าใช้จ่ายจิปาถะ ค่าเสื้อผ้า ส่วนที่ 3 เงินเก็บ เป็นส่วนที่ควรจะดึงออกมาก่อนตั้งแต่วันเงินเดือนออก อย่างน้อย 5 – 10% ของเงินเดือน เพื่อให้เป็นเงินสำรอง เมื่อเราแบ่งเงินออกมาเป็นก้อน ตามสิ่งที่ต้องจ่าย ก็จะเห็นชัดเจนมากขึ้นว่าแบบไหนคือรายจ่ายจำเป็น แบบไหนเป็นรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และตัดออกได้ หรือพอลดภาระได้ ในส่วนของเงินเก็บก็จะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเราไม่จัดระเบียบรายจ่าย มาถึงกดจ่ายหนี้ๆๆๆ รัวๆ สุดท้ายเราก็จะไม่เห็นรายละเอียดที่แท้จริง และทำแบบนี้เราไม่มีทางมีเงินเก็บแน่นอน ของมันต้องมี…แต่รู้ไหมอันไหนไม่ต้องมีก็ได้ หัวใจหลักสำหรับการวางแผนการเงิน ไม่ว่าจะยุคไหนก็คือ ‘ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น’ ซึ่งรายจ่ายที่ไม่จำเป็นก็มาจากคำว่า ‘ของมันต้องมีแล้วป่ะ…’ ซึ่งการซื้อของที่เราบิวท์ตัวเองว่า ‘มันต้องมีว่ะ’ เนี่ยอาจเป็นจุดเริ่มต้นแรกของความล้มเหลวในการบริหารการเงินก็ได้ ถ้าเราจะซื้อของที่มันต้องมีทุกชิ้น ไม่ได้บอกว่าห้ามซื้อ ซื้อได้ถ้ามันจำเป็น หรือเติมเต็มบางอย่าง แต่ก่อนจะซื้อ เราขอแนะนำวิธีตั้งคำถามกันใหม่กับตัวเองทุกครั้งที่จะซื้อของใหม่ ด้วย 3 ข้อ ซื้อไปเพื่ออะไร ซื้อแล้วใช้บ่อยแค่ไหน ซื้อแล้วเอาเงินที่ไหนมาจ่าย คำถามทั้ง 3 ข้อนี้คือการให้เราหยุดคิดกับตัวเองอีกรอบว่าของสิ่งนี้ มันจำเป็นต้องมีจริงหรือเปล่า โดยเฉพาะในยุคโควิด-19 ระบาด ถ้าคุณไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ก็ต้องคิดก่อนซื้อให้เยอะ ถ้าตอบทั้ง 3 ข้อนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะข้อที่ 3 แปลว่าของสิ่งนั้นอาจยัง ‘ไม่ต้องมี’ ก็ได้ เพราะ ‘ของมันต้องมี’ ไม่ได้จำเป็นต้องมีไปทุกอย่าง แต่ถ้าเราสามารถลดค่าใช้จ่ายบางอย่างออกไปได้ หรือมีวิธีการรับมือความเสี่ยงในชีวิตที่รับมือได้อย่าง การเลือกซื้อประกันในราคาที่สมเหตุสมผลกับความคุ้มครองที่ตรงกับความเสี่ยงของเรา ก็จะทำให้เรามีอิสระในการจับจ่ายมากขึ้น ไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่ไม่คาดฝันเพราะเรามีประกันมารองรับความเสี่ยงนั้นแล้ว ประกันไม่ใช่สิ่งสิ้นเปลือง แต่ช่วยลดความเสี่ยง หลายคนอาจคิดว่าประกันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ควรซื้อ แต่จริงๆ ประกันเป็นสิ่งแรกที่ควรซื้อ และควรจะซื้อก่อนการลงทุนอย่างที่บอกไป เพราะประกันคือตัวช่วยที่มาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน แล้วทำไมประกันถึงสำคัญมากขนาดนั้น สมมติว่าคุณเก็บเงินได้ 400,000 บาท ใช้เวลา 3 ปี แล้วแบ่งเงินไปลงทุนหุ้น 300,000 บาท เหลือเงินสดไว้ 100,000 บาท บังเอิญเกิดป่วยขึ้นมา และต้องใช้เงินรักษา 500,000 บาท นอกจากเงินที่เก็บมาตลอด 3 ปีจะหมดแล้ว ยังติดลบอีก เพราะจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่คุณคาดไม่ถึง เจ็บกายไม่พอ ยังเจ็บใจที่ทำไมไม่ทำประกัน รู้งี้…ทำประกันสุขภาพปีละ 20,000 กว่าบาท ก็ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายแล้ว รวมถึงประกันรถก็เช่นกัน ถ้าเกิดขับรถไปชน ไม่ว่าชนเขา หรือชนเรา ถ้าไม่มีประกัน ก็ต้องรับผิดชอบจ่ายเอง ซ่อมเองเซ็งเอง หรือไล่บี้คนที่ชนเราเพื่อรับผิดชอบ แต่ถ้าทำประกันรถยนต์ไว้ ทุกอย่างก็จะจบ ไม่ต้องเสียทั้งเงิน ไม่ต้องเสียทั้งเวลา เพราะบางคนคิดว่า ‘ไม่เป็นไรหรอก’ หรือคิดว่า ‘ทำไปก็ไม่ได้ใช้’ แต่หารู้ไม่ว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้าน ถ้าคุณเป็นคนใช้รถ ใช้ถนน ประกันรถยนต์คือสิ่งที่ Must have ที่สุด ถ้าชั้น 1 จ่ายไม่ไหว หรือคิดว่าเกินความจำเป็น ก็ลองมองหาประกันชั้น 2 ที่ให้ได้เทียบเท่าประกันชั้น 1 อย่าง ‘ประกันภัยรถยนต์ ธนชาต 2+ จัดเต็ม’ ราคาเริ่มต้น 7,999 บาท เท่านั้น รู้จักกับ ‘ประกันภัยรถยนต์ ธนชาต 2+ จัดเต็ม’ ทางเลือกใหม่ที่ดีเทียบเท่าชั้น 1 ในเมื่อประกันเป็นสิ่งที่ต้องทำ ยิ่งมีรถเราก็ยิ่งควรทำไว้เลย แต่ถ้าจะทำประกันที่ช่วยให้เราประหยัดเงิน เหมาะกับความเสี่ยงในการขับรถของเรา แต่ได้ความคุ้มครองที่เทียบเท่าประกันชั้น 1 มีไหม ก็ต้องบอกว่า มี! ขอแนะนำ ‘ประกันภัยรถยนต์ ธนชาต 2+ จัดเต็ม’ จากธนชาตประกันภัย นี่คือประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ที่ให้คุณได้มากกว่าประกันชั้น 2+ เจ้าไหนๆ เพราะว่านี่คือประกันที่ ให้ความคุ้มครองคุ้มที่ สุดในรุ่น! เทียบเท่ากับการทำประกันชั้น 1 ในราคาที่ประหยัดมากขึ้น แต่ความคุ้มครองจัดเต็ม ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนชนถึงหลังชน และคุ้มค่า พูดเหมือนโฆษณา แต่มันจริง! แล้วสุดในรุ่นยังไง! เราจะแจกแจงให้ฟังแบบง่ายๆ เห็นแล้วอยากทำประกันบ้างเลย ราคาเบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 7,999 บาท ทุนประกันภัยจากรถชนรถ 100,000 บาท ไม่ว่าจะไปชนเขา หรือเขามาชนเราก็สามารถแจ้งเคลมได้ รับผิดชอบคู่กรณีด้วยถ้าเราผิด มีเงินชดเชยกรณีนอนโรงพยาบาล 1,000 บาทต่อวัน 30 วัน / ครั้ง มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ตลอด 24 ชั่วโมง นี่ประกันชั้น 2+ จริงเหรอเนี่ย! มีเงินค่าเดินทางระหว่างรถเข้าอู่ 1,000 บาทต่อครั้ง (ใช้สิทธิ์ได้ 3 ครั้งต่อปี แต่ใครจะขับรถชนถี่ขนาดนั้น…) ผ่อนได้ 0% 10 เดือน เริ่มต้นเพียงเดือนละ 799 บาท ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย เงินก้อนไม่หาย แถมได้ความคุ้มครอง กรณีเกิดอุบัติเหตุ แจ้งเคลมได้ผ่าน LINE Official Account ‘ธนชาตประกันภัย’ อุ่นใจ ไม่ต้องหวิวว่าเจ้าหน้าที่จะมาเมื่อไหร่ เพราะมีระบบติดตามเจ้าหน้าที่ด้วย ค้นหาอู่ ศูนย์ซ่อม หรือโรงพยาบาลในเครือผ่าน LINE Official Account ‘ธนชาตประกันภัย’ มีสิทธิพิเศษดีๆ จาก ร้านค้าต่างๆที่ร่วมรายการ มอบให้กับลูกค้าทำที่อื่นไม่ได้เท่านี้นะ รับทำประกันตั้งแต่รถอายุ 2 – 20 ปี ถ้าไม่อยากต่อประกันชั้น 1 เพราะแพงไป มาใช้ ‘ประกันภัยรถยนต์ ธนชาต 2+ จัดเต็ม’ ไปเลย อย่างคุ้ม สามารถซื้อประกันได้ที่ 1. เว็บไซต์ธนชาตประกันภัย www.thanachartinsurance.co.th 2. ธนาคารทหารไทยธนชาต ทุกสาขาทั่วประเทศ 3. บริษัทนายหน้าประกันภัย Bolttech Insurance Broker, ศรีกรุงโบรกเกอร์ และ Fairdee Insurance Broker ถ้าเราวางแผนการเงินให้ถูกวิธี มองหาโอกาสในการป้องกันความเสี่ยงที่คุ้มค่า ราคาไม่แพง อย่างการทำ ประกันภัยรถยนต์ ธนชาต 2+ จัดเต็ม ก็จะช่วยให้การวางแผนการเงินของคุณไม่สะดุด MangoZero ก็ขอฝาก ประกันภัยรถยนต์ ธนชาต 2+ จัดเต็ม ไว้เป็นตัวเลือกด้วยนะจ๊ะ