เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ที่เน็ตฟลิกซ์ได้ให้บริการในประเทศไทย เปิดทางเลือกการชมซีรีส์และหนังให้เราได้เสพย์ ไม่ว่าจะสารคดี บันเทิง ความรัก ไปจนถึงเรื่องสยองขวัญ และล่าสุดกับ The Crown ซีซันสองที่หลายคนรอคอย รวมไปถึงแคมเปญต่างๆ มากมายให้พวกเราได้ร่วมสนุกกันนอกเหนือจากซีรีส์ด้วย อย่างเช่น The Crown เอง ก็กำลังมีแคมเปญเจ๋งๆ ให้พวกเราเล่นกัน เอาล่ะ มาย้อนดูกันว่าตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เน็ตฟลิกซ์ได้สร้างความสำเร็จอะไรไว้บ้าง คนใช้บริการกว่า 100 ล้านคน ทั่วโลก Netflix ให้บริการสตรีมมิงวิดีโอกว่า 190 ประเทศทั่วโลก และเมื่อ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา รีด แฮสติงส์ (Reed Hastings) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งเน็ตฟลิกซ์ ได้เปิดเผยว่า พวกเขามีรายรับกว่า 94,000 ล้านบาท หรือประมาณ 2.79 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยอดผู้ใช้บริการที่ทะลุ 100 ล้านคน เป็นที่เรียบร้อย Netflix กลายมาเป็นผู้นำด้านความบันเทิง ซึ่งหากรวมหนัง, ซีรีส์, สารคดีและภาพยนตร์ทั้งหมด จะคิดเป็นจำนวนได้กว่า 125 ล้านชั่วโมง !! แถมยังให้เราดูที่ไหนก็ได้และดูเท่าไหร่ก็ได้ Netflix จึงเป็นบริการแบบใหม่ที่เปลี่ยนโลกการเข้าถึงความบันเทิงของเราไปอย่างสิ้นเชิง ซีรีส์ฮิตๆ ที่เป็นกระแสทั่วบ้านทั่วเมืองที่ใครไม่ดูก็จะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง หรือเวลาว่างๆ คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี ซีรีส์ทาง Netflix ก็ได้เข้ามาเป็นคำตอบที่เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราเป็นที่เรียบร้อย ถึงกับมี Quotes สุดฮิตทั่วโลกที่ว่า “Netflix and Chill” ซึ่งหมายถึง แค่เน็ตฟลิกซ์และปล่อยใจตามสบาย วลีนี้ยังเป็นความหมายในทางที่ดีสำหรับการใช้เวลาว่างอีกด้วย เข้าถึงคนไทยมากขึ้น ในเดือนเมษายน Netflix ได้เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยอินเทอร์เฟซและหน้าปกเนื้อหาเป็นภาษาไทย พร้อมซับไตเติ้ลไทยและมีพากย์ไทยในบางเนื้อหา ทำให้เข้าถึงคนไทยมากขึ้น นอกจากนี้ประเทศไทยยังสามารถรับชม Netflix’s Original Series พร้อมกันกับทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งผู้บริการรายต่างๆ ก็ทำให้เราเข้าถึงบริการจาก Netflix ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Netflix ได้ประกาศเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับบริษัทเอไอเอส (AIS) ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งทำให้เราใช้บริการได้ง่ายขึ้นและมีโปรโมชันดีๆ มากมายทำให้เราตัดสินใจสมัครได้ไม่ยาก รางวัลการันตีระดับโลก นอกจากสิ่งการันตีความสนุกจากยอดผู้ชมและกระแสต่างๆ รางวัลนักแสดงก็เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันถึงคุณภาพของ Netflix ได้เป็นอย่างดี ซึ่งรางวัล Emmy ในปีนี้ ซีรีส์ทาง Netflix ได้เข้าชิงกว่า 91 รางวัล ทั้งนี้ยังได้รับรางวัล Grammy ซึ่งการันตีคุณภาพด้านเสียง จากซีรีส์ Stranger Things โดยซีรีส์ที่ได้รับการเสนอชื่อและรางวัลเยอะที่สุดคือ Orange Is the New Black และ House of Cards Netflix Originals คอนเทนต์ Exclusive คุณภาพเต็มเปี่ยม จะเห็นได้ว่าซีรีส์ใน Netflix ที่โด่งดังเป็นกระแสต่างๆ เป็นคอนเทนต์ออริจินอล ที่หาดูจากแพลตฟอร์มอื่นไม่ได้ เพราะมันคือ Netflix Originals ซึ่งสร้างสรรค์โดย Netflix เองมีทั้งซีรีส์, สารคดี, การ์ตูน และภาพยนตร์เรื่องยาว ที่มีเฉพาะแค่ใน Netflix เท่านั้น เป็นคอนเทนต์ระดับคุณภาพที่ได้รับการยอมรับทั้งด้านภาพและเนื้อหา เรื่องที่เปิดตัวให้ Netflix มีการพูดถึงอย่างมากเริ่มต้นจากเรื่อง Stranger Things ซีรีส์ที่ฮิตถล่มทลายจนทำให้ยอดการสมัคร Netflix พุ่งกระฉูด ตามมาด้วย The Crown, 13 Reasons Why, Black Mirror, Orange is the New Black ซึ่งเป็นซีรีส์ที่ทั้งสนุกและแปลกใหม่รวมทั้งการลงทุนทางภาพ, เสียง และเนื้อหายังแตกต่างให้ความรู้สึกเหมือนชมภาพยนตร์คุณภาพอีกด้วย นอกจากนี้ ทาง Netflix ยังมีภาพยนตร์ของตัวเองที่มีผู้กำกับชื่อดังมาร่วมงานมากมายทั้งเรื่อง Okja และล่าสุด Bright ที่กำลังจะเข้าฉาย ที่ได้นักแสดงระดับโลกอย่าง Will Smith ที่มาเป็นนักแสดงหลัก นับว่าเป็นก้าวใหม่ของความบันเทิงที่ Netflix พยายามที่จะรวมทุกอย่างให้ผู้ชมไม่หนีไปไหน โดยการใช้ Netflix เป็นศูนย์รวมความบันเทิงจนเดี๋ยวนี้การออกไปชมภาพยนตร์กับการดู Netflix ที่บ้าน ก็สามารถทำให้เราลังเลได้แล้ว Event และการโปรโมทแบบไม่เหมือนใคร ปฏิเสธไม่ได้ว่าในทุกวันนี้เราติดตามโลกและกระแสผ่านทางโซเชียลมีเดียซึ่งมีอิทธิพลกับเราไม่มากก็น้อย อีกเรื่องที่ Netflix สามารถทำได้ดีคือการประชาสัมพันธ์ ทั้งการจัด Event เพื่อเปิดตัวซีรีส์เรื่องฮิตอย่าง Stranger Things ซีซัน 2 ใจกลางทองหล่อที่กลายเป็นงานสุดฮิปที่ดาราและเซเลปไปร่วมมากมาย รวมไปถึงการเพ้นท์ 3D Painting ขนาดใหญ่บริเวณลาน หอศิลป์กรุงเทพฯ จนเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลจนคนที่เป็นสมาชิก Netflix ก็รู้สึกอินกับการกลับมายิ่งใหญ่ของซีรีส์เรื่องนี้และอยากไปเยี่ยมชมงานนี้รวมไปถึงคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ซีรีส์เรื่องนี้ทำไมคนถึงดูเยอะขนาดนี้และอยากดูซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมา หรือตอนที่ ซีรีส์ระดับโลกอย่าง Game of Thrones ซีซั่น 7 เข้าฉายทางช่อง HBO ซึ่งไม่ได้ฉายทาง Netflix ด้วยซ้ำ แต่ทาง Netflix ก็สามารถเกาะกระแสโดยนำเสนอออกมาเป็นเกมบนโซเชียลมีเดียอย่าง Game of Tones ที่ให้คนทายกันว่า นี่คือเสียงของซีรีส์เรื่องใดใน Netflix ทั้งนี้ทาง Netflix ยังมีการเล่นตามกระแสต่างๆ อีกมากมายทั้งการพาซีรีส์ตัวเองให้ใกล้ชิดกับคนไทยมากขึ้น และรู้อินไซต์ของคนดูและการโปรโมทอย่างมีชั้นเชิง เท่ และไม่เหมือนใคร จึงเป็นการชักชวนให้มีผู้ชมรายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดกับการกลับมาของซีรีส์ฟอร์มยักษ์อย่าง The Crown ซีรีส์เกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษที่อิงเนื้อเรื่องทั้งหมดมาจากเหตุการณ์จริง สมการรอคอยเพราะซีซันสองนอกจากจะฉาก คอสตูม เสื้อผ้าหน้าผมที่อลังการแล้ว ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องก็ดำเนินมาถึงความพีคคค พร้อมพบกับแคมเปญที่อลังการไม่แพ้ซีรีส์อย่าง #SacrificeForTheCrown มาตั้งคำถามว่าเราพร้อมจะสละตัวตนในโลกโซเชียลเพื่อแลกกับทริปสุดหรูที่ประเทศอังกฤษแล้วหรือยัง? ซึ่งในทริปประกอบด้วย Royal Grade Afternoon Tea, Royal Limousine Service Along The Trip ,Royal Standard 5-Star Hotel และประสบการณ์สุด Exclusive ตลอดทั้งทริป ซึ่งผู้ชนะแคมเปญนี้ต้องลบแอคเคาท์ใน Facebook ของตัวเองจริงๆ เหมือนแก่นของซีรีส์ที่ว่า “เพราะชีวิตเหนือสามัญ ต้องแลกมาด้วยตัวตน“ ใครสนใจอยากสละตัวตนแลกกับทริปสุดหรูที่ลอนดอน ใช้ชีวิตแบบราชวงศ์อังกฤษ ทำตามวิธีการด้านล่างนี้เลย !! 1. ไปที่ลิ้งค์ https://www.facebook.com/profilepicframes/?selected_overlay_id=155434201762542 เพื่อเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ด้วยรูปที่หรูที่สุดในชีวิต 2. ใส่แฮชแท็ก #SacrificeForTheCrown #Netflix 3. โพสต์บนวอลพร้อมเปิด Public เพื่อยืนยันการสละตัวตน แล้วรอการประกาศผลจาก Netflix 4. เมื่อได้รับเลือกเป็นผู้ชนะ จะต้องลบแอคเคาท์ของตนเองเพื่อแลกกับสิทธิ์ในการชนะรางวัล หมดเขตกิจกรรมวันที่ 26 ธันวาคม 2560 เวลา 23.59 น. ประกาศผลวันที่ 27 ธันวาคม 2560 ที่เพจ Netflix *อ่านเงื่อนไขและกติกาการร่วมกิจกรรมได้ที่ http://bit.ly/2BcgMmY ขอบคุณภาพและที่มาจาก : CNBC, Media.Netflix, Forbes, Tech Sauce, Tech Crunch ,IMDB
