หมดไปสักที! รวมสิ่งที่ยังอยู่กับเรามาตลอดครึ่งปี แม้ว่าเราจะไม่อยากอยู่กับมันแล้ว!

Writer : Pattranit Lp.

: 1 กรกฏาคม 2564

และแล้วกาลเวลาก็ดำเนินล่วงเลยมาจนถึงครึ่งปี 2021 หลายคนล้วนเจออะไรจากปีก่อน ๆ มากมายลากยาวมาจนถึงปีนี้ ต่างก็เจอทั้งเรื่องร้าย และดีปะปนกันไป

ช่วงเวลาครึ่งปี เวลานี้มักเป็นช่วงที่ผู้คนต่างทบทวนชีวิตตัวเองว่ามีทิศทางไปทางไหน และเจอเรื่องอะไรที่ท้าทายกันมาบ้าง ทำสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ต้นปีได้กี่อย่าง หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากต้นปีบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าระยะเวลากว่า 6 เดือนนี้ย่อมมีอะไรเปลี่ยนไปสักอย่างสองอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้น หรือประสบการณ์การใช้ชีวิตต่าง ๆ ที่อาจเติบโตและผ่านความโชกเลือดมาอย่างลุกโชน

ในช่วงเวลาแห่งการทบทวนตัวเองนี้เอง Mango Zero จะพาทุกคนไปทบทวนตัวเองในรูปแบบใหม่ โดยเปลี่ยนจากการตั้งคำถามว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงในปีนี้บ้าง เป็นสำรวจตัวเองว่ามีอะไรที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงอยู่เหมือนเดิมเด๊ะไม่ไปไหน ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่เราอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงมากเลยต่างหาก มาร่วมเช็กกันเลยว่าทุกคนมีสิ่งเหล่านี้เหมือนกันรึเปล่า!?

 

1. นายกฯ คนเดิมยังอยู่…

เรายังมีนายกฯ คนเดิมที่อยู่มา 7 ปี นับตั้งแต่รัฐประหาร ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ได้มีการชุมนุมขับไล่ มีการอภิปายไม่ไว้วางใจและมีการบริหารงานที่น่าส่ายหัวโดยเฉพาะเรื่องการจัดสรรวัคซีน แต่ ๆ ๆ ! นายกฯ เรานั้นทำอะไรว่องไวเหมือนกันนะ! เขาเป็นคนคิดไวลงมือทำงานได้ฉับไว อย่างการที่เขาเป็นคนพูดออกสื่อได้อย่างรวดเร็ว (มาก) และลงมือทำงานออกประกาศอย่างฉับไวอย่างที่เห็นกันไปกับประกาศล็อกดาวน์เมื่อเที่ยงคืนไม่กี่วันก่อน นายกหักโหมทำงานหนักขนาดนี้ เมื่อไหร่เขาจะวางมือพักผ่อนเพื่อตัวเองบ้างนะ

 

2. เรือดำน้ำก็ยังซื้ออยู่… 

เหมือนว่าจะมีผู้คนบางกลุ่มยังไม่มูฟออนจากการซื้อเรือดำน้ำ ทำให้เรายังคงได้ยินข่าวการสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เข้าประเทศเราอยู่ไม่ขาดสาย อย่างล่าสุดที่ทางรายการ TalkingThailand ประจำวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาไม่นานนี้ ได้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับการซื้อเรือดำน้ำ ‘เพื่อความจำเป็น’ เข้ามาในไทยอีกครั้ง แม้ว่าในตอนนี้ควรจะทุ่มทุนซื้อวัคซีนคุณภาพดีมาแจกจ่ายให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงมากกว่าก็ตามนะจ๊ะ…

 

3. ยังต้องใส่แมสก์อยู่…

ทุกวันนี้ดูบอลยูโร 2020 ก็ต้องบ่นกันไป ไม่ได้บ่นเรื่องฝีมือการเตะของนักฟุตบอลหรอก แต่เป็นการบ่นเชิงตัดพ้อว่า แฟนบอลที่ต่างประเทศเขาร่วมยืนเชียร์กันขอบสนามอย่างสนุกสุดเหวี่ยงได้แล้ว! และยังไม่ต้องใส่แมสก์กันอีกแล้วด้วย 

บ้านเราก็คงได้แต่อิจฉาบ้านอื่นเขาต่อไป เพราะทุกวันนี้พวกเรายังคงต้องเจียดเงินจ่ายค่าหน้ากากอนามัยใส่ทุกวัน หายใจก็ยังคงติดขัดลำบากบ้าง และบางครั้งจมูกก็ระคายเคืองจากการเสียดสีกับหน้ากากทำให้จามกันบ่อย ๆ แต่ก็ต้องใส่แทบตลอดเวลาจนอาจมีกลิ่นอับของเหงื่อ หรือบางคนก็ถึงขั้นสิวขึ้นหน้าเต็มไปหมดเลยทีเดียว

 

4. อดใช้ชีวิตลั้ลลา…

หากย้อนกลับไป 2-3 ปีก่อน ไม่ว่าจะงานเทศกาลใด ๆ ของบ้านเรานั้น ล้วนแต่เป็นบรรยากาศที่ครื้นเครงเสมอ เดิมทีคนไทยเรามีบุคลิกนิสัยที่รักความสนุกและชื่นชอบงานครื้นเครงอยู่แล้ว แต่เพราะ COIVD-19 เจ้ากรรมนี่แหละ ที่ทำให้เราต้องห่างหายจากงานรื่นเริง แม้แต่จะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามงานเฉลิมฉลองหรืองานปาร์ตี้สุดสัปดาห์ยังทำไม่ได้เลย…

 

5. สุขภาพจิตยังแย่อยู่ และมีแต่จะแย่ลงเรื่อย ๆ

เมื่อกิจกรรมหลายอย่างถูกจำกัด นู่นก็ห้ามทำ นี่ก็ห้ามไป ส่งผลให้เราไม่ได้ผ่อนคลายความเครียดตามแบบที่ควรจะเป็น สิ่งเหล่านี้มักนำไปสู่การมีสุขภาพจิตใจที่ย่ำแย่ เมื่อเจอสภาพแวดล้อมรอบตัวที่หดหู่ก็จะยิ่งทำให้จิตใจฟื้นฟูได้ยากขึ้น 

โดยในระยะแรกของการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ผู้คนต่างมีจิตใจที่หวาดกลัวต่อเชื้อไวรัสนี้จนอาจทำให้ป่วยทางใจกันไปหมด แต่แล้วก็ยังคงต้องป่วยจิตป่วยใจกันต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองดูไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น หรือไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าเราใกล้จะกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่าได้เลย

 

6. ยังคงต้อง Keep Distancing อยู่แม้แต่กับคนรัก….

อาจเป็นเรื่องที่ฟังดูตลก แต่มันไม่ตลกเลยสักนิด กับการที่ใครก็ตามที่มีคนรัก แต่กลับต้องคอยรักษาระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะกอดกัน หรือแสดงความรักกันอย่างเดิมก็ไม่ได้ 

และไม่ได้เป็นแค่กับคนรักเท่านั้น ปัญหานี้ได้รวมไปถึงการอยู่ร่วมกันกับคนในครอบครัวที่ไม่สามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างสนิทสนมเหมือนเดิม เช่น การกินข้าวร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หรือการเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ซึ่งผู้คนต่างเลือกที่จะสุงสิงกันน้อยลง เพราะบางคนอาจต้องกักตัว และอีกเหตุผล คือ กลัวติดโรคร้ายแรงต่าง ๆ ที่น่าหวาดระแวงไปหมด

 

7. กระเป๋าตังค์ยังแฟ่บอยู่…

เรื่องที่ยังคงอยู่กับเราทั้ง ๆ ที่เราไม่อยากอยู่กับมันเลยสักนิด นั่นคือกระเป๋าแบน! (แฟนทิ้งไหมอีกเรื่อง) ตังค์หมดบ๋อแบ๋อย่างกับคนล้มละลายในเกมเศรษฐี ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนเราคงสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการฝึกเก็บหอมรอมริบ อดทนอดกลั้นต่อกิเลสที่ก่อขึ้นในหัวใจ แต่ในวินาทีแห่งวิกฤติทางเศรษฐกิจที่เงินใช้กินข้าวในแต่ละมื้อยังหามาได้อย่างยากลำบาก จะให้แบ่งออกมาเพื่อเก็บออมไว้ในกระปุกก็คงจะต้องอดอาหารหลายมื้อ

การที่มีกระเป๋าตังค์แฟ่บนี่เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการใช้ชีวิต ซึ่งอาจส่งผลให้เราเกิดความเครียดและคิดมากไปยังเรื่องต่าง ๆ ได้อีกสารพัดเรื่องได้เลยล่ะ!

 

จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงครึ่งปีในตอนนี้ สิ่งที่เราอยากให้มันหายไปหรือจบไปก็ยังคงอยู่กับเราไม่ดีขึ้นสักที ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคมหรือสิ่งรอบตัวต่าง ๆ ไปจนถึงเจ้าโควิดที่อยู่กับเราและพัฒนามาหลายสายพันธุ์เหลือเกิน แต่พวกเรายังคงต้องสู้กันต่อไป เป็นกำลังให้ทุกคนนะ!

Writer Profile : Pattranit Lp.
ผู้หญิงอินดี้ ฟังเพลงอินดี้ อ่านวรรณคดีไทย และชื่นชอบเกมมาก ๆ โดยเฉพาะเกมจีบหนุ่ม!
Blog : Padzphere Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save