ถนนไปสู่เป้าหมายไม่มีเส้นทางที่ตายตัว บางคนต้องลองผิดลองถูก กว่าจะเจอทางที่ใช่ บทเรียนชีวิตก็เช่นกัน มันไม่มีสูตรตายตัว แต่ยิ่งเราสะสมไว้ และรู้เร็วเท่าไหร่ก็มีโอกาสให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น หรือทำให้มีความสุขกับระหว่างทางมากกว่าที่เป็นอยู่ 🙂 ทำตัวเองให้สำคัญ แล้วคุณจะเป็นที่ต้องการเสมอ การเป็นคนสำคัญ ไม่ใช่คิดไปเองว่าตัวเองสำคัญ แต่ต้องแสดงให้คนอื่นเห็นว่าทำไมเขาถึงขาดเราไม่ได้ ลองสร้างผลงานที่น่าจดจำ ฝึกฝนทักษะอันเป็นที่ต้องการขององค์กร พัฒนาความสามารถให้โดดเด่นและเป็นประโยชน์ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นผลมาจากความคิดของเรา มุมมองที่เรามีต่อโลก ส่งผลต่อความเชื่อและการใช้ชีวิตของเรา การรับรู้และตีความสิ่งต่างๆ สร้างความอคติมากพอกับสร้างความเข้าใจ ทุกคนมองเห็นสิ่งเดียวกัน แต่รับรู้ไม่เหมือนกัน จึงมีพฤติกรรมต่อสิ่งเหล่านั้นต่างกัน เช่น ถ้าเรารับรู้ว่าการสอบได้เกรด A เป็นเรื่องยาก แต่ไม่เกินความสามารถ เราจะมีเป้าหมายและมุ่งมั่นเพื่อไปสู่สิ่งที่เราเชื่อ โดยตัดความคิดที่จะล้มเลิกออกไป ในขณะที่อีกคนเชื่อว่ายากเกินความสามารถ ก็จะหมดกำลังใจ นำปัจจัยภายนอกมาเป็นข้ออ้างว่าไม่สามารถทำได้ เช่น ครูสอนไม่ดี ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ จนล้มเลิกความตั้งใจ และไม่ทำพฤติกรรมที่นำไปสู่การได้เกรด A Dr. Bruce Lipton กล่าวในหนังสือ ’The Biology of Belief’ ว่าเราสามารถควบคุมชีวเคมี (biochemistry) หรือกระบวนการและสารต่างๆ ในร่างกายได้ ผ่านอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เพราะฉะนั้นสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เรารับรู้ อย่าวิ่งไปสู่เป้าหมายจนลืมใส่ใจระหว่างทาง เรามักรู้สึกว่าเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไว หากมีความทุกข์เมื่อไหร่ แม้จะรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน แต่ให้จำไว้ว่ามันก็จะผ่านไปเหมือนกัน เพราะฉะนั้นให้เก็บเกี่ยวทุกช่วงเวลาของชีวิต ดื่มด่ำกับรสชาติของความสุขให้เต็มที่ อย่าลืมเก็บเกี่ยวคุณค่าและบทเรียนที่ได้จากปัญหาและความผิดพลาด เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะผ่านไป และให้อะไรกับเราเสมอ ปัจจุบันสำคัญที่สุด “ถ้าคุณรู้สึกซึมเศร้า แสดงว่าคุณกำลังจมอยู่กับอดีต ถ้าคุณวิตกกังวล แปลว่าคุณนึกถึงอนาคตมากเกินไป แต่ถ้าคุณรู้สึกสบายใจ นั่นหมายถึงคุณอยู่กับปัจจุบัน” เล่าจื๊อ นักปรัชญาชาวจีนได้กล่าวไว้ หลายครั้งที่เรามักจะกังวลถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือยึดติดกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว จริงอยู่ที่การวางแผนสำหรับอนาคตเป็นเรื่องสำคัญมาก ส่วนการนึกถึงอดีตอาจมีข้อดีที่ทำให้เราได้ทบทวนตัวเอง แต่อย่ายึดติดมากเกินไปจนบั่นทอนจิตใจ เก็บไว้แต่บทเรียนมาพัฒนาตัวเองดีกว่า อย่าลืมว่าช่วงเวลาปัจจุบันกำลังจะกลายเป็นความทรงจำ เพราะฉะนั้นใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่าที่สุด รักในสิ่งที่ทำจนกว่าจะได้ทำในสิ่งที่รัก ประโยคที่ดูเหมือนง่าย แต่ทำได้ยากสำหรับบางคน เพราะงานเป็นส่วนสำคัญของชีวิตที่เราต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ นั่นเป็นเหตุผลว่าถ้าเราไม่มีความสุขกับงาน มันจะส่งผลกับด้านอื่นๆ ของชีวิตด้วย ลองทบทวนตัวเองอีกครั้ง หาที่ทำงานที่เหมาะกับตัวเอง แล้วเราจะบรรลุเป้าหมายและรักในสิ่งที่ทำได้ง่ายขึ้น งานและกิจกรรมที่เราทำ รวมถึงคนรอบข้าง เปรียบเสมือนอาหารที่หล่อเลี้ยงตัวเรา งานที่เหมาะกับเราอาจไม่ใช่งานที่ได้เงินมากที่สุด เพราะความสำเร็จไม่ใช่ตอนที่เราได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ แต่เป็นสิ่งที่ได้ระหว่างทาง มีความสุขได้ แค่ไม่เปรียบเทียบ ถ้าอยากมีความสุขอย่างแท้จริง สิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งก็คือการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น โดยเฉพาะเวลาสไลด์หน้าจอมือถือ เห็นชีวิตดี๊ดีของคนนู้นคนนี้ อาจทำให้รู้สึกอยากได้ อยากเป็นแบบนั้นบ้าง แต่อย่าลืมว่าคนส่วนใหญ่มักจะแชร์แต่ด้านดีๆ ของชีวิตทั้งนั้น นอกจากภาพสวยหรูเหล่านั้นจะทำให้เราอยากได้ไม่รู้จบ ยังทำให้เราเสียเวลาไปพัฒนาตัวเอง ทบทวนความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง การเดินทางไปสู่เป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีความสุขกับสิ่งที่มีในระหว่างเดินทางไปคว้าสิ่งที่ต้องการดีกว่า ที่มา inc.com