ช่วงบ่ายที่ผ่านมาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้แถลงชี้แจงถึงเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมดูแลการระบาดของโควิด – 19 และหนึ่งในประเด็นที่ชี้แจงคือการสั่งซิโนแวค มาเพิ่มอีก 12 ล้านโดส ‘พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์’ ผู้ช่วยโฆษก ศบค.ชี้แจงเหตุผลในการสั่งซิโนแวค มาเพิ่ม 2 เหตุผ]ด้วยกันคือ ด้านประสิทธิภาพ ซึ่ง ศบค. ให้เหตุผลว่าการสั่งซิโนแวค เพิ่มเติม ได้พิจารณาข้อมูลจากรายงานวิจัย ทั้งในพื้นที่และโรงเรียนแพทย์ จากข้อมูลพบว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดซิโนแวคครบโดส 2 เข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อ 72% ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง และเสียชีวิต 98% ซึ่งเปรียบเทียบการป้องกันแล้วเท่ากับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 1 เข็ม ป้องกันติดเชื้อได้ 88% และเมื่อดูจากการศึกษาเพิ่มเติมแล้ว หากมีการฉีดไขว้กันระหว่างซิโนแวคและแอสตร้าเซเนก้า จะทำให้ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการเสียชีวิต ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง ได้สูงมากขึ้น จึงเห็นชอบในการสั่งซิโนแวคมาเพิ่ม อีกเหตุผลนึงคือการจัดส่งวัคซีนไม่ทันทำให้ผิดแผนการระดมฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส เนื่องจากวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่มีการจองไว้ไม่สามารถจัดส่งได้ในไตรมาส 4 ส่วนแอสตร้าเซเนก้า ที่เดิมที่จะต้องจัดส่งให้เดือนละ 10 ล้านโดสตามที่คาดการณ์ไว้ กลับส่งให้ได้เพียง 5 – 6 ล้านโดสต่อเดือน นั่นทำให้แผนระดมฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส ที่จะมีทั้งจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และแอสตร้าเซเนก้า รวมอยู่ในแผนด้วยไม่สามารถทำได้ จึงต้องสั่งซิโนแวคมาทดแทน เป็นเหตุผลที่เหมาะสมและจำเป็น ช่วงท้ายผู้ช่วยโฆษก ศบค. ให้ข้อมูลจากการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนแบบฉีดไขว้ไว้ว่า จากการศึกษาของโรงเรียนแพทย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลศิริราช ที่มีการระดมฉีดแบบผสมซิโนแวคและแอสตร้าเซเนก้า กัน 3 สัปดาห์ แทนการฉีดแอสตราเซเนกา 2 เข็ม พบว่าการฉีดไขว้ทำให้มีประสิทธิภาพช่วยลดอัตราป่วย อัตราความรุนแรง และการเสียชีวิตได้ รวมถึงการระดมฉีดครอบคลุมประชากรจำนวนมาก ก็เป็นไปตามแผนการกระจายวัคซีน
