สตอล์คเกอร์ หรือ Stalker ที่ปกติเรามักรู้จักกันในชื่อโรคจิตชอบติดตาม เป็นพฤติกรรมที่เรามักพบเห็นได้ในสังคมสมัยนี้ และเป็นเรื่องน่าเศร้าที่พฤติกรรมนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักหรือสร้าง awareness ได้มากนักสตอล์คเกอร์นั้นสร้างความบั่นทอนในสุขภาพจิตของเหยื่อได้อย่างมาก นอกจากจะทำให้เสียความมั่นใจแล้วยังทำให้หวาดระแวงตลอดเวลา ไม่กล้าออกไปไหน หรือแม้กระทั่งไม่สามารถชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ปัญหาเกี่ยวกับสตอล์คเกอร์นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ควรรับมือให้ถูกวิธี วันนี้เราเลยอยากมาแนะนำวิธีรับมือกับสตอล์คเกอร์เบื้องต้นให้ได้อ่านกันค่ะ เมื่อไหร่ที่นับว่าเป็นการสตอล์ค เมื่อเขาติดตามคุณตลอดเวลา หรือบ่อยครั้ง ถ้าคุณเห็นเขายืนอยู่ในละแวกบ้าน โรงเรียน หรือที่ทำงานที่คุณทำอยู่บ่อยๆ โดยตัวคุณรู้ว่านี่ไม่ใช่ที่ที่เขาอยู่ ส่งของให้มากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นของขวัญที่ราคาแพงเกินไปหรือประหลาดจนน่ากลัว ทั้งนี้รวมรูปภาพ คลิปวิดีโอที่อาจมีเนื้อหาอนาจารด้วย ตีสนิทกับคนใกล้ตัว เมื่อเขาเริ่มตีสนิทกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัวคุณเพื่อเข้าหาคุณโดยเฉพาะ โดยคุณรู้ดีว่าเขาทำโดยมีความหมายแอบแฝง สแปมจดหมาย ข้อความ หรือโพสต์ ส่งจดหมาย ข้อความ หรือข้อความเสียงทั้งในโทรศัพท์และโซเชียลมีเดียในปริมาณมาก ทั้งนี้รวมการโพสต์ในโซเชี่ยลมีเดียที่ผิดปกติด้วย พูดจาว่าร้าย เมื่อเขาใช้คำพูดหยาบคายหรือทำร้ายจิตใจเพื่อทำให้คุณรู้สึกผิดและมองว่าการกระทำของเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง รวมถึงใช้คำพูดที่ทำให้คุณดูแย่ในสายตาของเพื่อนฝูง ครอบครัวหรือคนทั่วไป แบล็คเมล์ ใช้ข้อมูลลับเผื่อขู่ให้คุณยอมทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ หากไม่ทำตามแล้วจะนำไปปล่อยข้อมูลให้เป็นสารธารณะ อย่าโต้ตอบ อย่าโต้ตอบกับสตอล์คเกอร์ของคุณโดยอันขาด เขาจะมองว่าการตอบกลับทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการบอกปฏิเสธ ห้ามให้ติดตามอีก การด่าทอ หรือใด ๆ ทั้งสิ้นเป็นความคืบหน้าในความสัมพันธ์ของเขาและคุณ และการโต้ตอบจะทำให้การว่าความของคุณยากขึ้นอีกด้วย เพราะการตอบกลับนับเป็นการให้ความร่วมมือกับสตอล์คเกอร์ของคุณ ป้องกันตัวเองให้ดี ห้ามปล่อยข้อมูลส่วนตัวโดยไม่จำเป็น อาจจะดูเหมือนระแวงเกินไป แต่การปล่อยให้ข้อมูลไปอยู่ในมือของคนที่คุณไม่รู้จักอาจทำให้สตอล์คเกอร์ตามตัวคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากใช้เบอร์มือถือส่วนตัวแยกกับงาน หรือใช้ระบบคัดกรองคนโทรเข้าก่อนรับสาย หากอัพโซเชียลมีเดีย ให้หลีกเลี่ยงการติดสถานที่ลงสถานะด้วย และให้โพสต์หลังกลับจากที่แห่งนั้นไปแล้ว หลีกเลี่ยงการส่งของมาที่บ้าน หากเป็นไปได้ให้รับส่งจดหมายทางตู้ไปรษณีย์แทน และถ้าได้รับจดหมายหรือพัสดุแล้ว ให้ทำลายชื่อและที่อยู่ที่ติดมาด้วยให้เรียบร้อยก่อนนำไปทิ้ง ทั้งนี้ทั้งนั้น ปกป้องข้อมูลแล้วก็ต้องปกป้องตัวคุณด้วย เข้าบ้านแล้วล็อคประตู หน้าต่างให้สนิททุกครั้งเพื่อความปลอดภัย เก็บหลักฐานให้ละเอียด เพราะข้อมูลสามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานแจ้งความได้ พยายามจดเก็บไว้ทุกครั้งที่เขาติดต่อมา หรือคุณเห็นเขาติดตามคุณอยู่ โดยจดเบอร์ วันที่ เวลา และสถานที่ให้ละเอียดทุกครั้ง หากเป็นโทรศัพท์เข้า ห้ามรับสายแล้วบันทึกหน้าจอเก็บไว้เป็นหลักฐาน หากเขาส่งจดหมายมา อย่าเปิดมือเปล่า ให้ใส่ถุงมือเพื่อที่จะได้ไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเพิ่ม และเป็นไปได้ให้ส่งให้ตำรวจทันที และถ้าเขาติดตามคุณ เป็นไปได้ให้ถ่ายรูปหรือวิดีโอไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง สำเนาข้อมูลทั้งหมดนี้ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่งให้คนในครอบครัวหรือคนที่คุณเชื่อใจไว้ให้เป็นหลักฐานสำรอง เผื่อเกิดอะไรขึ้นกับต้นฉบับ บอกคนที่เชื่อใจได้ อย่าลืมว่ามีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณในยามยากตลอดเวลา ติดต่อเพื่อน ครอบครัวหรือคนที่คุณเชื่อใจให้เขาช่วยเหลือคุณได้ ไม่ว่าจะขอให้ช่วยเก็บหลักฐาน หรือเพียงแค่ไปข้างนอกด้วยกันเพื่อช่วยเก็บหลักฐานหรือเป็นเพื่อนเดินด้วยกันก็ได้ นอกจากจะทำให้คุณสบายใจขึ้นแล้ว ยังมีเพื่อนที่คอยเป็นพยานให้คุณได้ตลอดเวลา ที่มา: nytimes.com / actionagainststalking.org