พาส่อง 5 โรคยอดฮิตติดมาพร้อมกับเซ็กซ์ (Safe ไว้ก่อนปลอดโรคกว่า)

Writer : PloyPeach

: 28 กุมภาพันธ์ 2565

 

เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของซีรีส์ #กุมภาพอร์น ซีรีส์พิเศษเนื่องในเดือนแห่งความรักที่เราอยากจะให้ทุกคนได้เดินทางบนชีวิตรักและชีวิตเซ็กซ์ได้อย่างมีสวัสดิเพศ

 

โดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งความฟินของทั้งคู่ หากเราไม่ ‘Safe’ ไว้ก่อน ก็อาจทำให้เซ็กซ์ กลายเป็นเรื่อง ‘เซ็ง’ แบบไม่ทันตั้งตัวได้ 

 

จากสถิติจาก เว็บไซต์ สสส. ล่าสุด (ปี 2562) พบว่า เยาวชนไทยมีผู้ติดโรคทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้น สวนทางกับเคสตั้งท้องเมื่อไม่พร้อมที่มีจำนวนลดลง สิ่งเหล่านี้บอกอะไรกับเรา ?

 

แปลว่าเยาวชนไทยมีความรู้เรื่องคุมกำเนิดไม่น้อย แต่อาจยังไม่ให้ความสำคัญกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากพอ ทั้งที่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายไม่แพ้กัน

 

เราจึงอยากหยิบ TOP 5 โรคฮิตติดโพลในกลุ่มเยาวชนไทย ช่วงอายุ 15 – 24 ปี เป็นมากที่สุด (อ้างอิงจากเอกสารสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคหลักในเยาวชน ประเทศไทย ปี 2557-2561 ของเว็บไซต์กรมควบคุมโรค)

 

ซึ่งแต่ละโรคคืออะไร มีอาการแบบไหน มาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า!

 

อันดับที่ 1: โรคหนองในแท้ (Gonnorhea)

 

หลาย ๆ คนอาจจะนึกว่าอันดับ 1 คงต้องเป็นโรคเอดส์แน่ ๆ เลย แต่ขอบอกว่าไม่ใช่จ้า เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อันดับ 1 กลับเป็นโรคหนองในแท้ เนื่องจากเชื้อของโรคหนองในแท้เนี่ยสามารถเจริญเติบโตได้ในเขตร้อนชื้นอย่างบ้านเราเป็นอย่างดีนั่นเอง 

 

ทางด้านอาการ คุณผู้ชายจะมีหนองสีเขียวหรือสีขาวไหลออกมาจากอวัยวะเพศ ส่วนคุณผู้หญิงจะมีอาการตกขาวผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีเหลือง และมีปริมาณมากกว่าปกติ 

 

หลายคนอาจยังไม่รู้ แต่หนองในแท้ไม่ได้ติดต่อผ่านการมีเซ็กซ์ด้วยการสอดใส่ทางอวัยวะเพศอย่างเดียวเท่านั้นนะ! เพราะถ้ามีเชื้ออยู่ในร่างกาย ไม่ว่าจะมีเซ็กซ์ผ่านทางทวารหนัก ออรัลเซ็กซ์ หรือวิธีไหนก็ตามที่เยื่อบุในร่างกายสัมผัสกับสารคัดหลั่ง  ก็มีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นได้เหมือนกัน!

 

อันดับที่ 2: โรคซิฟิลิส (Syphilis)

 

ถ้าเพื่อน ๆ เคยชมละครเรื่อง ‘ทองเนื้อเก้า’ ก็อาจจะเคยเห็นตัวละครที่ชื่อ ‘ลำยอง’ ป่วยเป็นโรคนี้อยู่ นอกจากอาการจะดูน่ากลัวแบบในละครแล้ว อาการของโรคซิฟิลิสยังมีมากกว่านั้น โดยสามารถแบ่งเป็น 4 ระยะ ซึ่งมีอาการแตกต่างกันดังนี้

 

ระยะที่ 1 ระยะเป็นแผล

จะมีตุ่มเล็ก ๆ เกิดขึ้นในบริเวณที่เชื้อเข้า และแตกออกกลายเป็นแผลกว้างขึ้น แผลจะไม่เจ็บ ไม่คัน เราเรียกระยะนี้ว่า ‘แผลริมแข็ง’

 

ระยะที่ 2 ระยะเข้าออกดอก 

จะมีลักษณะตุ่มนูนสีแดงปรากฎขึ้น อาจพบเนื้อตายย่อม ๆ เรียกว่า ‘ระยะออกดอก’ และอาจพบอาการอื่นร่วมด้วย เช่น รู้สึกไม่สบาย มีไข้ต่ำ ๆ 

 

แม้อาการจะดูไม่หนักมาก แต่ทว่าในช่วงระยะที่ 1 – 2 ถ้าเราไปตรวจเลือดจะพบว่าผลการตรวจเชื้อจะเป็นลบ ซึ่งหมายความเราจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าเราติดเชื้อซิฟิลิสหรือยัง 

 

ระยะแฝง 

เป็นระยะคาบเกี่ยวระหว่างระยะที่ 2 – 3 มักระยะที่ไม่แสดงอาการ หลอกให้เราเชื่อว่าหายป่วยแล้ว ก่อนจะพาเดินทางเข้าสู่ระยะสุดท้าย

 

ระยะที่ 3 ระยะทำลาย 

มาถึงระยะสุดท้าย ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจทำให้เชื้อเข้าสู่สมองและไขสันหลัง เป็นสาเหตุให้เป็นอัมพาต ความจำเสื่อม หรือตาบอดได้ และถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจอันตรายถึงชีวิตเลยก็ได้

 

นอกจากเชื้อซิฟิลิสที่ก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ อย่างที่บอกไปแล้ว เรายังอาจได้ของแถมมาเป็น HIV อีกด้วย เนื่องจากเชื้อซิฟิลิสทำให้เราเกิดบาดแผลตามร่างกาย จึงเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ HIV สูงกว่าคนทั่วไปถึง 2 – 5 เท่าเลยทีเดียว

 

สำหรับข้อสงสัยที่ว่า เชื้อซิฟิลิสสามารถติดต่อได้โดยไม่ต้องมีเซ็กซ์จริงหรอ ? 

 

ขอบอกว่าเป็นเรื่องจริงจ้า เพราะเชื้อสามารถติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่ง อย่างเช่น บาดแผลหรือเยื่อบุตา ถ้ามีการสัมผัสกันก็มีโอกาสติดเชื้อได้เหมือนกัน 

 

แต่ก็อย่าเป็นกังวลไป ถ้าเราไม่ได้มีบาดแผลตามร่างกายยังสามารถจับมือถือแขนและใช้สระว่ายน้ำที่มีมาตรฐานร่วมกับผู้ป่วยเหล่านี้ได้ตามปกตินะ 

 

อันดับที่ 3: โรคหนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis)

แค่ชื่อก็ฟังดูเป็นพี่น้องกับโรคหนองในแท้ใช่ไหมล่ะ สาเหตุก็เพราะว่าทั้ง 2 โรคมีอาการคล้าย ๆ กัน เพียงแต่หนองในเทียมจะมีอาการเบากว่าหนองในแท้ เนื่องจากเกิดมาจากเชื้อคนละชนิดกันนั่นเอง

 

แล้วเชื้อแตกต่างกันยังไงล่ะ ? ถ้ามองในด้านรูปลักษณ์ก็จะพบว่าโรคหนองในแท้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีลักษณะเป็นทรงกลมมีหนาม

 

ส่วนหนองในเทียมเกิดจากเชื้อแบคทีเรียทรงกลมนั่นเอง

 

สำหรับใครที่อยากศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแบคทีเรียทั้ง 2 ชนิด สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Chlamydia vs. gonorrhea 

 

นอกจากอาการที่คล้ายกันแล้ว เจ้าหนองในเทียมก็สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก ๆ เหมือนหนองในแท้เลยล่ะ ไม่ว่าจะผ่านการสัมผัสผ่านสารคัดหลั่งและเด็กในครรภ์ก็สามารถติดเชื้อได้อีกด้วย

 

อันดับที่ 4: โรคแผลริมอ่อน (Chancroid)

โรคแผลริมอ่อนเป็นอีกหนึ่งโรคที่พบได้บ่อยรองจาก 3 โรคข้างต้น ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายมาก แถมเชื้อยังทำให้เกิดแผลแบบเดียวกับซิฟิลิส จนบางครั้งเราจึงเรียกโรคนี้ว่า ‘โรคซิฟิลิสเทียม’


ในส่วนของอาการ ผู้ชายจะสังเกตเห็นตุ่มแดงขนาดเล็กไม่กี่ตุ่มที่อวัยวะเพศ ส่วนผู้หญิงก็พบตุ่มแดงบริเวณอวัยวะเพศเช่นกัน แต่จะมากกว่าผู้ชาย และอาจมีอาการปวดตรงอวัยวะเพศขณะปัสสาวะ อุจจาระ หรือระหว่างมีเซ็กซ์เป็นอาการร่วม

 

สำหรับโรคแผลริมอ่อนนั้น จะหายได้ถ้าเราได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง และถ้ายังปล่อยให้แผลลุกลามไปมากก็มีโอกาสที่อวัยวะส่วนที่ติดเชื้อของเราจนแหว่งไปได้ด้วยนะ!

 

อันดับที่ 5: กามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง (Lymphogranuloma Venereum OR Climatic Bubo)


หรือที่บางคนเรียกว่า ‘ฝีมะม่วง’ ในปัจจุบัน โรคนี้จะพบได้บ่อยในแถบยุโรปและอเมริกา จึงน่าแปลกใจที่กามโรคติดอยู่ในท็อป 5 อันดับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในประเทศไทย เป็นเพราะอะไรกันนะ ? 

 

เราลองมาทำความรู้จักเพิ่มเติมกันหน่อยดีกว่า

 

อาการของกามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลืองสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

 

ระยะที่ 1 ระยะแผล

จะมีตุ่มนูนใส และมีแผลขนาดเล็ก ๆ ขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ และจะหายไปได้เองใน 2 – 3 วัน ส่วนมากผู้ป่วยหลาย ๆ คนมักไม่สังเกตเห็น

 

ระยะที่ 2 ระยะฝี

ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวมโตจนติดกันเป็นก้อนฝีขนาดใหญ่ และเจ็บมากจนอาจจะเดินไม่ได้ แต่จะสามารถยุบหายได้เองภายใน 2 – 3 สัปดาห์ ในบางรายฝีอาจแตกเป็นหลายรูและมีหนองไหลเยิ้มจนกลายเป็นแผลเรื้อรัง


ระยะที่ 3 ระยะสุดท้าย

เกิดขึ้นหลังได้รับเชื้อมายาวนานถึง 20 ปี นอกจากอาการข้างต้นแล้ว อาจมีอาการลำไส้อักเสบ คันบริเวณก้น รวมถึงมีหนองและเลือดออกจากทวารหนัก

 

โรคนี้สามารถติดต่อผ่านแผลหรือเยื่อบุมีการสัมผัสสารคัดหลั่ง ถึงแม้เราติดเชื้อดังกล่าวแล้ว ต่อให้ไม่ไปหาหมอร่างกายของเราก็สามารถรักษาตัวเองจนหายขาด เว้นแต่ว่าเราเป็นคนที่มีภูมิต้านทานที่ไม่ค่อยดีอาจจะต้องไปพบแพทย์สักหน่อย เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี จะได้ป้องกันไม่ให้เชื้อลุกลาม

 

เราจะมี Sex ให้ Safe และปลอดโรคได้อย่างไร ?


1) สวมถุงยางขณะมีเซ็กซ์เสมอ 

นอกจากถุงยางจะป้องกันการตั้งท้องแล้ว ยังป้องกันการติดเชื้อระหว่างมีเซ็กซ์ได้อีกด้วย และหากใช้อย่างถูกวิธีจะมีประสิทธิภาพป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ถึง 90% เลยทีเดียว

 

หากใครยังไม่รู้วิธีการใช้ถุงยางที่ถูกต้อง สามารถเข้าไปอ่านบาทความถุงยางจากซีรีส์ #กุมภาพอร์น ได้ที่ #HaveASafeSex เช็คให้ชัวร์ก่อนใช้ถุงยางอนามัยได้เลยจ้า

@mangozero #HaveASafeSex เช็คให้ชัวร์ก่อนใช้ถุงยางอนามัย ไอเท็มที่จะช่วยให้ภารกิจในคืนนั้นของคุณลื่นปื้ด ลื่นปื้ด #กุมภาพอร์น #TheZeroJunior8 #tiktokuni ♬ Warm and comical songs – East Valley Music

2) หมั่นตรวจภายในเป็นประจำทุกปี

การตรวจภายใน นอกจากจะ Safe ตัวเองได้แล้ว ยังสามารถ Safe คนรักได้อีกด้วย เพราะถ้าเรารู้เร็ว รักษาเร็ว ก็หายเร็วได้! 

 

โดยเราสามารถเริ่มตรวจภายในได้ตั้งแต่อายุ 21 ปี หรือภายใน 3 ปีหลังการมีเพศสัมพันธ์ก็ได้นะ!

 

3) อย่าลืมที่จะไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้ติดจากการมีเซ็กซ์เท่านั้นนะ! บางทีแค่เราไปสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อเราก็มีโอกาสติดได้เหมือนกัน 

 

การพบแพทย์นอกจากจะเป็นการตรวจหาโรคแล้ว ก็ยังทำให้เราได้รู้อีกด้วยนะว่าสุขภาพของเราเป็นยังไงบ้าง 

 

สุดท้ายแล้วก็อยากให้มองเรื่องเซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวดังนั้นโรคติดต่อเองก็เช่นกัน เพราะการไม่มีเซ็กซ์ไม่ใช่ทางออกในการหลีกเลี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เราอาจจะต้องทำความเข้าใจและป้องกันอย่างถูกวิธีต่างหากที่จะช่วยลดปัญหาเรื่องโรคติดต่อเหล่านี้ให้หมดไป

 

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เราต้องศึกษา เรียนรู้ และส่งต่อความเข้าใจเรื่องเซ็กซ์ให้คนรอบข้าง เพื่อให้ทุกคนได้ Have a Safe Sex ยังไงล่ะ! 

Writer Profile : PloyPeach
พลอยพีชเป็นคนชอบอ่าน ชอบฟัง ชอบดูแต่ไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่ Enjoy ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของตัวเอง ค่อกแค่ก ๆ
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save