ในยุคที่อินเทอร์เน็ตกำลังเติบโต มีตัวเลือกการทำงานที่หลากหลาย และโมเดลการทำงานแบบฟรีแลนซ์กำลังเป็นที่นิยม ภาพจำของการทำงานบนโต๊ะสีขาวในออฟฟิศบนตึกสูงอาจไม่ได้เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการอีกต่อไป แต่ครั้นจะนั่งทำงานที่บ้านหรือร้านกาแฟก็อาจจะไม่สะดวกมากนัก Co-Working Space จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การทำงานในยุคนี้อย่างมาก ลองมาดูข้อดีต่างๆ ของการทำงานที่ Co-Working Space กันเลย 1. มีบรรยากาศที่เหมาะแก่การทำงาน เพิ่ม Productivity ใครที่เคยทำงานรูปแบบฟรีแลนซ์จะเข้าใจกันดีว่าบ้านเราคือสถานที่ทำงานที่ไม่ได้งาน เพราะมีสิ่งยั่วยุทั้งหลาย อย่าง เครื่องเล่นเกม เตียงนอน ซีรีส์ ฯลฯ และบรรยากาศในบ้านก็ไม่ได้มีไว้เพื่อทำงาน ทำให้หลายครั้งเรามักจะพลาดพลั้งไปกับสิ่งยั่วยุเหล่านั้นได้ง่ายมาก ต่างกันกับ Co-Working Space ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีไว้สำหรับทำงานโดยเฉพาะ เราจะได้เห็นเพื่อนๆ ที่มาใช้สถานที่นั่งทำงานกันอย่างขมักเขม้น รวมถึงเราเองก็ตั้งเป้าหมายว่ามาที่นี่เพื่อทำงาน ตรงนี้ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองก็ต้องทำงานอย่างตั้งใจ ทำให้ Productivity สูงกว่านั่งทำงานคนเดียวอยู่บ้านแบบชัดเจน 2. มีโอกาสได้เจอคนที่มีแนวความคิดเดียวกันช่วยส่งเสริมธุรกิจ การมาทำงานที่ Co-Working Space ทำให้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับคนหลากหลาย รวมไปถึงคนที่มีความคิด ความเชื่อ และความชอบเหมือนกันกับเรา การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันช่วยทำให้เพิ่มไอเดียในการทำธุรกิจได้ดีกว่าการนั่งคิดอยู่คนเดียว หรืออาจจะได้ผู้ร่วมธุรกิจคนใหม่ๆ ด้วย 3. มีความยืดหยุ่นในการทำงาน เข้างานเมื่อไหร่ก็ได้ Co-Working Space หลายแห่งจะเปิดให้ได้ใช้งานกันยาวๆ ตั้งแต่เช้าตรู่ยันดึกดื่นเที่ยงคืน และบางแห่งเปิดให้ใช้บริการกัน 24 ชั่วโมง ทำให้เรามาทำงานช่วงเวลาใดก็ได้ตามที่เราต้องการ และในระหว่างวันก็สามารถแว้บไปทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ อย่างออกกำลังกาย หรือหาของอร่อยๆ กิน (แต่กลับมาทำงานด้วยนะ!) 4. มีอินเทอร์เน็ตที่โคตรเร็วให้ใช้งาน การทำงานในยุคนี้อินเทอร์เน็ตถือว่าเป็นปัจจัยแรกๆ ที่เราต้องคำนึงถึง โดยเรามักจะพบปัญหาของอินเทอร์เน็ตเมื่อทำงานในบ้านหรือร้านคาเฟ่ทั่วไป เน็ตหลุดบ้าง ช้าบ้าง ไม่เร็วพอที่จะอัพไฟล์งานส่งลูกค้า ทำให้งานล่าช้าเข้าไปอีก เพราะการวางระบบอินเทอร์เน็ตของบ้าน ร้านคาเฟ่ กับสถานที่ทำงานนั้นแตกต่างกันมาก ถ้าเราไม่ได้มีโอกาสนั่งทำงานในบริษัทที่เค้าวางระบบอินเทอร์เน็ตมาอย่างดี ตรงนี้ Co-Working Space เค้ามีอินเทอร์เน็ตที่พร้อมสำหรับการทำงานจริงไว้ให้บริการ หรือถ้าเราต้องการอะไรเพิ่มเติมก็สามารถแนะนำผู้ให้บริการได้ด้วย 5. มีความสงบและความเป็นส่วนตัว การทำงานหลายครั้งที่เราต้องใช้ความสงบและความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงการเรียนรู้อย่างการอ่านหนังสือ เราต้องใช้สถานที่ที่มีความสงบมากพอเพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งตรงนี้ Co-Working Space เค้าจะมีพื้นที่สงบๆ เหมาะกับการทำงานที่ใช้สมาธิด้วย 6. ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ธุรกิจจำเป็นต้องใช้องค์ความรู้ที่หลากหลาย แต่คนเราไม่สามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้ด้วยคนเดียว ถ้าเราไม่ได้มีทีมใหญ่การแลกเปลี่ยนความรู้จึงจะเกิดขึ้นได้ยาก การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับบุคคลที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี ซึ่งการนั่งทำงานที่ Co-Working Space นั้นทำให้เราได้พูดคุยกับคนที่หลากหลายขึ้นนั่นเอง 7. มีโอกาสได้เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนร่วมใจ สำหรับหนุ่มสาวที่ยังโสด บอกเลยว่าคุณจะมีโอกาสพบกับหนุ่มหล่อสาวสวยรักการทำงาน และมีไลฟ์สไตล์คล้ายกับเราได้ที่ Co-Working Space และยังสามารถหาโอกาสเข้าไปคุยได้ไม่ยากอีกด้วย สมัยนี้ทำงานอยู่บ้านเฉาๆ คนเดียวเรียกว่าเชยแล้ว และนี่คือคอนโดติด BTS ที่มี Co-Working Space ใช้งานฟรี!! Ideo Sukhumvit 115 คอนโดที่ตอบโจทย์ชีวิตคนยุคใหม่ มีทั้ง Co-Working space, Social Club รวมไปถึง Fitness สำหรับลูกบ้านสามารถใช้งานได้ฟรีๆ นอกจากนี้ Ideo Sukhumvit 115 ยังติดสถานีรถไฟฟ้า BTS ปู่เจ้าสมิงพราย เรียกว่าเดินออกมาแล้วเจอบันได BTS เลย อยู่ติดกับ Big C Jumbo เดินทางสะดวกสบายใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน เพียง 10 กม. สู่พระราม 3 และเชื่อมต่อไปยัง สาทร สีลมหรือเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่าย Studio ขนาด 27.50 และ 29.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท 2 Bedrooms ขนาด 62 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.1 ล้านบาท อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามนี้เลยจ้าาา >> https://goo.gl/nhxFfs
